อดีต จนท.ศุลกากรวัยเกษียณ เกลี้ยง 8 ล้าน ลูกเตือนแล้วแต่ไม่ฟัง

ร้องสายไหมต้องรอด ยายวัยเกษียณ อดีต จนท.ศุลกากร เสียรู้แก๊งคอลเซนเตอร์ สูญเงินกว่า 8 ล้านบาท ลูกสาวพยายามเตือนแล้วแต่ไม่ฟัง เห็นว่านามสกุลดังเลยหลงเชื่อ ล่าสุดแก๊งคอลเซนเตอร์ ติดต่อให้ขายบ้านเพื่อเอาเงินมาให้อีก

วันที่ 30 มกราคม 2568 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากลูกสาวของ คุณยายอายุ 76 ปีซึ่งเป็นอดีตข้าราชการกรมศุลกากร หลงกลมิจฉาชีพ ถูกทักมาใน LINE ทำทีเป็นคนรู้จักของลูกหลาน อ้างบอกว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับการลงทุนเรื่องหวยที่ประเทศสิงคโปร์ จนกระทั่งสูญเงิน 8 ล้านบาท ซึ่งทุกวันนี้คุณยายก็ยังไม่เชื่อว่าถูกหลอก จนจะขายบ้านขายทองเอาไปให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังจากได้รับเรื่องจึงได้แนะนำให้ลูกสาวโทรหา 1441 เพื่ออายัดเงิน จึงอยากจะฝากให้เคสนี้เป็นเคสเตือนภัยสังคม

อดีต จนท.ศุลกากรวัยเกษียณ เกลี้ยง 8 ล้าน ลูกเตือนแล้วแต่ไม่ฟัง

อดีต จนท.ศุลกากรวัยเกษียณ เกลี้ยง 8 ล้าน ลูกเตือนแล้วแต่ไม่ฟัง

นางสาวมุก (นามสมมติ) อายุ 34 ปี ลูกสาวของผู้เสียหาย นางญา (นามสมมติ) อายุ76 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่คุณแม่สูญเงินไปจำนวน 8 ล้านบาทเกิดขึ้นไวมาก เพราะทางด้านของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพิ่งมีการทัก LINE มาหาคุณแม่เมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งในแชทก็มีมีการพยายามถามเรื่องส่วนตัวของคุณแม่ หลังจากนั้นสองวันถัดมาก็ได้มีการทักมาสอบถามว่าคุณแม่เล่นหวยไหม พอดีมีลุงอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ แล้วลุงรู้ว่าหวยที่จะออกเลขต่อไปคือเลขอะไร อ้างว่าทำแบบนี้มานานกว่า 5 ปีแล้ว

โดยบุคคลดังกล่าวอ้างชื่อว่า เอก โดยใช้ชื่อจริงว่านายอานนท์ นิรันดร์กุล ด้วยความที่นามสกุลนี้เป็นนามสกุลดัง แม่จึงหลงเชื่อ โดยในตอนแรกแม่ลงทุนเป็นเงินจำนวน 20,000 บาท ซึ่งก็ถูกรางวัลได้มา 4000 บาท แต่ต้องมีการหักภาษี สุดท้ายทางด้านแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้โอนเงินมา 23,000 กว่าบาท

หลังจากนั้นก็มีการพูดคุยอีกสองสามวันถัดมาก็มีการชักชวนให้ลงทุนอีก เพราะคุณแม่เห็นว่าครั้งแรกที่มีการร่วมลงทุนไปได้เงินมา จึงตัดสินใจลงทุนอีก ได้ทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้บอกว่าโพยหวยที่วันนี้จะรับอยู่ที่ 300,000 บาท อ้างว่าได้โพยมาจากลุงที่อยู่สิงคโปร์ แม่ก็ตัดสินใจลงทุนไปอีก 300,000 บาท

อดีต จนท.ศุลกากรวัยเกษียณ เกลี้ยง 8 ล้าน ลูกเตือนแล้วแต่ไม่ฟัง

ทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็อ้างอีกว่าคุณลุงเพิ่งมาบอกว่าลงทุนอยู่ที่ 800,000 บาท แม่ก็ตัดสินใจโอนไปเพิ่มให้อีกจนครบ 800,000 บาท ปรากฏว่าคุณแม่ถูกรางวัลแจ็คพอต ได้จำนวนเงิน 8,900,000 บาท โดยเขาได้โชว์แอพพลิเคชั่นที่เค้าอ้างขึ้นมา เลยบอกว่าแม่ต้องเสียภาษี 15% กับการที่ต้องโอนเงินจากประเทศสิงคโปร์มาที่ประเทศไทย โดยจะต้องเสีย 1,215,000 บาท แม่ก็ตัดสินใจโอนเงินค่าภาษีไปให้เขาในทันที

หลังจากที่มีการโอนเงินจำนวนดังกล่าวไปแล้วยังมิจฉาชีพก็เลยตั้งข้อสงสัยว่าเงินที่ตัวเองเอามาทั้งหมดนั้น เป็นการฟอกเงินหรือเปล่า และแม่ต้องโอนเงินไปให้เค้าตรวจสอบเพิ่ม 4 ล้านบาท แต่คุณแม่ไม่สามารถโอนได้ภายในวันเดียว 4,000,000 จึงต้องแบ่งโอนผ่านโทรศัพท์ 2 ล้านบาท และไปดำเนินการที่ธนาคารอีก 2 ล้านบาท ซึ่งตอนที่แม่ไปธนาคารทางผู้จัดการหรือพนักงานธนาคารก็พยายามเตือนแล้ว หลังจากนั้นคอลเซ็นเตอร์ก็อ้างว่ายอดที่ตนเองโอนไปนั้นล่าช้า ต้องโอนไปเพิ่มอีก 2 ล้านบาท ซึ่งรอบนี้คุณแม่ก็เริ่มไม่มีเงินจึงได้มาหยิบเงินญาติและโอนไปให้

อดีต จนท.ศุลกากรวัยเกษียณ เกลี้ยง 8 ล้าน ลูกเตือนแล้วแต่ไม่ฟัง

อดีต จนท.ศุลกากรวัยเกษียณ เกลี้ยง 8 ล้าน ลูกเตือนแล้วแต่ไม่ฟัง

ต่อมาคนชื่อเอกก็ได้อ้างว่า ลงบัญชีแม่ผิดเป็นการสลับเลขหนึ่งตัวของบัญชี โดยนายเอกได้บอกว่าแม่ต้องหาเงินครึ่งหนึ่งของ 15 ล้านบาท ประมาณ 7 ล้านกว่าบาทไปวางเป็นค่าภาษี แต่ไม่มีเงินแล้ว คุณแม่ได้มีการถ่ายรูปเครื่องเพชรทองและโฉนดที่ดินมาให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเค้าก็แนะนำให้แม่เอาไปขาย แต่โชคดีที่แม่อายุมากเกินกว่าที่จะดำเนินการเรื่องนี้เองได้จึงได้มาบอกกับตนเอง ถึงมารู้เรื่อง