สาวเอะใจ หย่าปุ๊บรู้ข่าว “อดีตสามี” ถูกหวย 24 ล้าน ฟ้องขอส่วนแบ่ง คำตัดสินของศาลทำให้ทุกคนตะลึง
เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่หวังพลิกชีวิตจาก “รางวัลลอตเตอรี” ซึ่งเป็นการเสี่ยงดวงด้วยตัวเลข เพื่อนำเงินมาพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัว แต่จะเป็นอย่างไรหากพบว่าหลังจากหย่าร้างได้เพียงไม่กี่วัน จู่ๆ ก็ได้รับข่าวจากเพื่อนว่า “คู่สมรสเก่า” ของตนเองถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่
เรื่องราวข้างต้นเกิดขึ้นในครอบครัวที่อาศัยอยู่ในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2541 ในตอนที่คุณเอ (นามสมมุติ) ยังคงเป็นหญิงสาวอายุ 22 ปี เธอได้คบหาดูใจกับคุณบี (นามสมมุติ) กระทั่งหนึ่งปีต่อมาได้ไปบ้านเกิดของเขาเพื่อพูดคุยเรื่องแต่งงาน เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเพราะสถานการณ์ของครอบครัวเขาเลวร้ายกว่าที่เธอจินตนาการไว้มาก แต่เพราะในช่วงเวลานี้เธอตกหลุมรักเข้าอย่างจัง จึงเชื่อว่าตราบใดที่เขาปฏิบัติต่อเธออย่างดี ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน ทั้งคู่ก็จะพบหนทางที่จะเอาชนะมันได้
หลังจากแต่งงานกันทั้งคู่ก็ไปที่เมืองฉงชิ่งเพื่ออาศัยและทำงาน ในตอนแรกชีวิตแต่งงานช่างหอมหวานและเต็มไปด้วยความหวังดังที่เธอจินตนาการไว้ สิ่งหนึ่งที่เธอเพิ่งค้นพบคือสามีมีงานอดิเรกพิเศษในการ “ซื้อลอตเตอรี” มาเป็น 10 ปีแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ไปยุ่งหรือห้ามอะไร ในเวลาต่อมาทั้งคู่ตัดสินใจเปิดธุรกิจ ภรรยารับผิดชอบดูแลร้านไพ่นกกระจอก ในขณะที่สามีเปิดแผงลอตเตอรี อย่างไรก็ตาม ลอตเตอรีที่เขาสนใจไม่สามารถทำกำไรได้อย่างที่หวัง จึงต้องย้ายไปทำธุรกิจไม้กับญาติ
ที่มากกว่านั้นก็คือ นับตั้งแต่สามีเปลี่ยนมาทำธุรกิจไม้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มมีรอยร้าว แม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน แต่ก็มีบางวันที่พวกเขาไม่ได้คุยกันแม้แต่คำเดียว สามีออกจากบ้านเร็วและกลับบ้านดึก ทำให้ภรรยายิ่งสงสัยในตัวเขามากขึ้น กระทั่งช่วงต้นปี พ.ศ.2557 บังเอิญพบว่าสามีส่งข้อความคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง เช้าวันรุ่งขึ้นจึงทะเลาะกันอย่างหนัก จากนั้นเป็นต้นมาชีวิตสมรสก็กลายเป็น “สงครามเย็น”
หลอกให้ภรรยาหย่า เพื่อรับเงินก้อนโตคนเดียว
ในช่วงปี พ.ศ.2558 หลังจากการโต้เถียงกันครั้งใหญ่ ทั้งคู่ก็แยกกันอยู่อย่างเป็นทางการ ฝ่ายภรรยาย้ายกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ของตนเอง เธอดำเนินชีวิตมาเรื่อยๆ กระทั่งวันหนึ่งได้รับโทรศัพท์จากสามีเพื่อ “ขอหย่า” แม้ว่าเธอจะไม่มีความรู้สึกต่อสามีอีกต่อไป แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะถูกขอหย่าอย่างกะทันหันขนาดนี้ อีกทั้งลูกสาวกำลังจะเข้าโรงเรียนมัธยมในปีนี้ การหย่าร้างจะส่งผลต่อลูกอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอต้องการให้สามีสงบสติอารมณ์และรอให้ลูกสาวสอบเสร็จก่อน
อย่างไรก็ตาม สามียังคงมีทัศนคติที่มุ่งมั่นจะหย่าร้างโดยเร็วที่สุด พวกเขาจึงได้เสร็จสิ้นขั้นตอนการหย่าร้างอย่างเป็นทางการที่กรมกิจการพลเรือนเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 หลังจากนั้นเธอก็ตัดสินใจย้ายไปยูนนานสักพัก เพื่อผ่อนคลายและเยียวยาสภาพจิตใจ แต่ในระหว่างที่เดินทางก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนหนึ่ง แจ้งข่าวว่า “สามีของเธอถูกลอตเตอรี” ในเวลานี้เธอก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพื่อยืนยันข้อมูลจึงโทรหาลูกสาว และได้รับการยืนยันว่า “พ่อถูกลอตเตอรี แต่ไม่รู้ว่าถูกรางวัลเท่าไหร่”
คุณเอจำได้ว่าสามีมักจะซื้อลอตเตอรีหมายเลขเดิมซ้ำๆ เพียงไม่กี่หมายเลขเท่านั้น นิสัยนี้ไม่เปลี่ยนแปลงมาหลายปีแล้ว เมื่อนำตัวเลขดังกล่าวไปค้นหาผลทางออนไลน์ พบว่าถูกรางวัลแจ็กพอตใหญ่ที่สุด ที่น่าแปลกใจกว่านั้นคือวันออกรางวัลลอตเตอรี่คือวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2558 ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่ได้หย่าร้างกัน ทำให้เข้าใจได้ทันทีว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงยืนกรานที่จะหย่า เธอยิ่งโกรธมากขึ้นและรีบโทรหาอดีตสามีทันที แต่เขายังคงปฏิเสธหนักแน่นว่า “ไม่ได้ถูกลอตเตอรี่” แล้ววางสายไป
เมื่อต้องเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของอดีตสามีเก่า คุณเอจึงตัดสินใจกลับไปที่ฉงชิ่งเพื่อจ้างทนายความ และดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาล เนื่องจากเชื่อว่าหากซื้อลอตเตอรีก่อนหย่าจะถือเป็น “ทรัพย์สินส่วนรวม” ของทั้งคู่ ดังนั้นเธอจะต้องได้รับครึ่งหนึ่งของมูลค่าเงินรางวัล
ลอตเตอรีอลเวง ขึ้นศาลเผยจุดจบของคนโลภ
ในการตอบสนองต่อคดีของคุณบีนั้น เขากล่าวว่าเป็นเรื่องจริงที่ถูกรางวัลใหญ่ลอตเตอรีมูลค่า 5.27 ล้านหยวน (24.69 ล้านบาท) อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้เป็นผู้ซื้อตั๋วลอตเตอรี แต่เป็น “แม่” ที่ซื้อ เขาเพียงทำหน้าที่ไปรับเงินรางวัลแทนแม่เท่านั้น โดยมารดาผู้ให้กำเนิดก็ได้มาเป็นพยานในศาล เพื่อพิสูจน์คำพูดของลูกชาย พร้อมทั้งนำพยานอีกจำนวนหนึ่งขึ้นให้การในศาลด้วย
อย่างไรก็ดี คุณเอปฏิเสธข้อมูลที่กล่าวอ้างเหล่านั้นทันที โดยบอกว่าอดีตแม่สามีมีอาการป่วย และไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อลอตเตอรีเลยแม้แต่น้อย เธอจึงตั้งคำถามถึงความจริงในคำให้การ พร้อมเสริมว่าบรรดาพยานที่พามานั้น ก็เป็นบุคคลเพิ่งพบในช่วง 2 วันที่ผ่านมาเท่านั้น จึงไม่สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในการชี้แจงในศาลได้
ต่อมา ในวันที่ 6 กันยายน 2558 ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องคดีแรก โดยระบุว่า จากข้อมูลจากหน่วยงานธุรกิจลอตเตอรีพิสูจน์ได้ว่า คุณบีได้รับเงินรางวัลและเขาก็เป็นคนที่ซื้อสลากด้วย และแม้ว่าตั๋วลอตเตอรีจะถูกซื้อผ่านบุคคลที่สามซึ่งเป็นแม่ แต่เงินรางวัลก็ยังถือเป็นทรัพย์สินในครัวเรือน ดังนั้น โบนัสจึงถือเป็นทรัพย์สินส่วนกลางของคน 4 คน ได้แก่ พ่อสามี, แม่สามี, สามี และภรรยา
ดังนั้น ศาลจึงตัดสินให้คุณบี ต้องจ่ายเงินให้กับอดีตภรรยาของเขา 1.15 ล้านหยวน (ประมาณ 5.39 ล้านบาท) อย่างไรก็ดี คุณเอยังคงรู้สึกว่าเธอได้รับน้อยเกินไป ในขณะที่รู้สึกว่าครอบครัวของเขาสูญเสียมากเกินไป ทั้งสองจึงอุทธรณ์
กระทั่ง เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2559 ศาลประชาชนจังหวัดฉงชิ่ง ได้ออกคำพิพากษาระบุให้คำพิพากษาของคดีที่ 1 ก่อนหน้านี้เป็นโมฆะ และตัดสินว่าตั๋วลอตเตอรีที่ซื้อเป็นทรัพย์สินส่วนกลางของทั้งสองฝ่ายระหว่างการแต่งงาน ดังนั้น คุณบีต้องจ่ายเงินโบนัสหลังหักภาษีให้กับคุณเอ “ครึ่งหนึ่ง” ซึ่งก็คือ 2.3 ล้านหยวน (ประมาณ 10.78 ล้านบาท)
หลังจากคำประกาศของศาลในครั้งนี้ การแข่งขันชิงเงินรางวัลระหว่างทั้งสองตระกูลก็สิ้นสุดลง แม้ว่าคุณบีไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน แต่เขาไม่สามารถกอบกู้สถานการณ์ได้อีกต่อไป ทันทีที่เขารู้ว่าถูกลอตเตอรีก็วางแผนได้สมบูรณ์แบบ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือแม้จะมีการวางแผนอย่างพิถีพิถัน แต่สุดท้ายเขาก็ยังต้องตกลงแบ่งโบนัสกับภรรยาครึงหนึ่ง…