ราคาทองปรับตัวขึ้น+19.0 ดอลลาร์ คิดเป็น +0.56% ปิดตลาดที่ระดับ 3,371 ดอลลาร์ คาดทองฟื้นตัวจากแนวรับ
Gold spot
- สูงสุด – 3,384 ดอลลาร์
- ต่ำสุด – 3,343 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
- สูงสุด – 52,000 บาท
- ต่ำสุด – 51,850 บาท
บทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ ฮั่วเซ่งเฮง รายงาน ภาพการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา ราคาทองโลกปรับตัวขึ้น + 19.0 ดอลลาร์ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ เดือนพ.ค. ลดลงเหลือ 49.9 ต่ำกว่าตลาดคาดที่ระดับ 52.0 และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (ADP) เดือนพ.ค. ออกมาที่ 37,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าคาดที่ระดับ 111,000 ตำแหน่ง จากตัวเลขข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังได้รับผลกระทบจากนโยบายการค้าของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมเป็นเท่าตัวสู่ระดับ 50% ซึ่งจุดชนวนความวิตกกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ในขณะเดียวกัน ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการที่ทรัมป์เรียกร้องให้เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่กองทุน SPDR ยังถือครองทองคำเท่าเดิมที่ 935.65 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ สหรัฐฯ มีประกาศการตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ ธนาคารกลางยุโรปประกาศอัตราดอกเบี้ย
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองโลกกำลังลงทดสอบแนวรับย่อยที่ 3,370 ดอลลาร์ ซึ่งราคาอาจสามารถฟื้นตัวกลับจากแนวรับดังกล่าว โดยมีเป้าหมายการฟื้นตัวที่ระดับ 3,390 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
- แนวรับ : 3,280 และ 3,245 ดอลลาร์
- แนวต้าน : 3,380 และ 3,415 ดอลลาร์
ราคาทองโลกที่เร่งตัวขึ้นมา อาจยังติดแนวต้านที่ 3,380 ดอลลาร์ จึงแนะนำทยอยแบ่งขายทำกำไรจากแนวต้านดังกล่าว โดยใช้กลยุทธ์เชิงรับรอเข้าซื้อสะสมที่ 3,280 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 3,245 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
- แนวรับ : 51,000 และ 50,500 บาท
- แนวต้าน : 52,200 และ 52,700 บาท
ทองคำในประเทศที่เร่งตัวขึ้นมา อาจเผชิญแรงขายจากแนวต้านที่ระดับ 52,000-52,200 บาท จึงแนะนำใช้กลยุทธเชิงรับ รอเข้าซื้อสะสมจากระดับ 51,000 บาท โดยมีเป้าทำกำไรที่ 52,000-52,200 บาท และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับสำคัญที่ 50,500 บาท