อุทาหรณ์ชีวิต หนุ่มอายุแค่ 27 ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ต้นเหตุคือ “เมนูโปรด” กินทุกคืนไม่เบื่อ!

ช็อก! หนุ่มจีนวัย 27 ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้าย เซ่นพิษ “เมนูโปรด” ที่กินทุกคืนต่อเนื่อง 5 ปี

พฤติกรรมการกินก่อนนอนส่งผลร้ายแรง หนุ่มสายไอทีวัย 27 ปี กลายเป็นผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้าย หลังรับประทานอาหารย่างแทนข้าวเย็นมานานถึง 5 ปี

ข่าวช็อกวงการสุขภาพจากประเทศจีน เมื่อ “เสี่ยวจาง” โปรแกรมเมอร์หนุ่มวัย 27 ปี ถูกวินิจฉัยว่าเป็น มะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 4 หลังเข้ารับการตรวจร่างกายเนื่องจากมีอาการปวดท้องเรื้อรังและน้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว แพทย์พบว่าต้นตอมาจากพฤติกรรมการบริโภค “อาหารย่าง” แทนข้าวเย็นเป็นประจำมานานกว่า 5 ปี

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงก่อนนอน มีอะไรบ้าง? หลายคนอาจชินกับการกินของว่างตอนดึกโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังทำร้ายลำไส้แบบสะสม มาดูกันว่ามีอาหารประเภทใดบ้างที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าไม่ควรรับประทานก่อนนอน

  1. อาหารย่าง-ปิ้ง แม้จะหอมอร่อย แต่การย่างที่อุณหภูมิสูงกว่า 200°C จะทำให้เกิดสารก่อมะเร็งกลุ่ม เบนโซไพรีน (Benzopyrene) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งระดับ 1 โดยเฉพาะไม้เสียบหรือภาชนะที่ผ่านการใช้งานซ้ำ อาจปล่อยสารฟอร์มาลดีไฮด์เมื่อนำไปปิ้งย่าง ควรเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์อย่าง หม้อทอดไร้น้ำมัน และควบคุมอุณหภูมิไม่เกิน 180°C
  2. เนื้อสัตว์แปรรูป ไส้กรอก แฮม เบคอน อาจดูสะดวกแต่ซ่อนพิษร้ายจาก ไนไตรท์ ที่สามารถเปลี่ยนเป็น ไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในกระเพาะอาหาร งานวิจัยจากองค์กรวิจัยมะเร็งโลก (IARC) ระบุว่า การบริโภคเนื้อแปรรูปเพียง 50 กรัมต่อวัน เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ถึง 18%
  3. อาหารรสจัด-เผ็ดร้อน แม้จะถูกใจสายแซ่บ แต่อาหารที่มี แคปไซซิน (Capsaicin) สูง หากรับประทานมากและต่อเนื่อง อาจทำให้ผนังลำไส้อักเสบ หรือเกิดการเพิ่มจำนวนเซลล์ผิดปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่การกลายเป็นมะเร็งได้
  4. น้ำอัดลมเย็น ความเย็นทำให้หลอดเลือดลำไส้หดตัว ขณะที่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำอัดลมเพิ่มความดันในกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องอืด และอาจเป็นต้นเหตุของกลุ่มอาการลำไส้แปรปรวน

กฎทองดูแลลำไส้ก่อนนอน เพื่อป้องกันไม่ให้ลำไส้ทำงานหนักเกินไปในช่วงกลางคืน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้

  1. งดอาหารก่อนนอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพื่อให้ลำไส้มีเวลา “ทำความสะอาดตัวเอง” อย่างน้อย 8 ชั่วโมง

  2. ดื่มน้ำอุ่นหลังตื่นนอน 300 มล. แล้วนวดท้องเบาๆ รอบสะดือ เพื่อกระตุ้นการขับถ่าย

  3. นอนตะแคงซ้าย ลดการไหลย้อนของกรดในกระเพาะ และช่วยระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น

  4. ออกกำลังกายลำไส้ก่อนนอน เช่น ท่านอนหงายแล้ว “ปั่นจักรยานอากาศ” พร้อมหายใจเข้าลึกๆ ด้วยท้อง เพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้

สัญญาณเตือนมะเร็งลำไส้ ที่ไม่ควรมองข้าม

  1. รูปทรงของอุจจาระเปลี่ยนไป เช่น บางเหมือนดินสอ หรือมีร่องไม่ปกติ

  2. พฤติกรรมขับถ่ายแปรปรวน สลับระหว่างท้องผูกและท้องเสีย พร้อมความรู้สึก “อยากถ่ายแต่ถ่ายไม่ออก”

  3. น้ำหนักลดเร็วโดยไม่ตั้งใจ หากลดลงเกิน 10% ภายใน 6 เดือน ควรรีบพบแพทย์

  4. ปวดท้องเวลากลางคืน โดยเฉพาะบริเวณท้องน้อยด้านขวาหรือซ้าย ควรได้รับการตรวจเช็ก

เพราะลำไส้คือ “สมองที่สอง” ของร่างกาย สิ่งที่คุณกินเข้าไปในแต่ละวัน มีผลโดยตรงกับอนาคตของสุขภาพลำไส้ อย่ารอให้ป่วยแล้วค่อยเปลี่ยนพฤติกรรม วันนี้คุณสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ แค่เลือกอาหารให้ถูกเวลา และให้ลำไส้ได้พักผ่อนอย่างเหมาะสม ดังนั้น อย่าลืม วางขนมซองลง แล้วลุกไปชงชามอลต์อุ่นๆ สักถ้วยให้ตัวเองก่อนนอน… เพื่อให้ลำไส้ได้พักผ่อนอย่างที่ควรจะเป็น