เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ต่างประเทศ SOHA ได้เผยเรื่องราวของคุณตู่ (นามสมมุติ) อายุย่าง 30 ปี อาศัยอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ได้แต่งงานกับสามีที่อายุเท่ากันมาได้ 3 ปีแล้ว พวกเขาพยายามอย่างหนัก แต่ก็ยังไม่มีลูกสักที ทางฝ่ายสามีเชื่อเสมอว่า ลูกเป็นของขวัญจากพระเจ้า เนื่องจากพวกเขายังเด็กและมีสุขภาพดี จึงยังไม่ได้ไปปรึกษาหมอ จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทั้งสองครอบครัวกดดันเรื่องการมีบุตรอย่างหนัก ทำให้สามีต้องยอมไปพบแพทย์
ซึ่งในตอนแรกทั้งคู่ไปตรวจที่คลินิกเอกชน แต่ไม่พบสาเหตุ จากนั้น ก็ได้พากันไปโรงพยาบาลผู้มีบุตรยากในผู้ชาย แพทย์ที่นั่นบอกว่า พวกเขาไม่มีความเชี่ยวชาญเพียงพอ ในด้านความผิดปกติในการพัฒนาทางเพศ แม้ว่าพวกเขาจะสับสนมากกับสิ่งที่แพทย์พูด แต่พวกเขาก็ยังคงไปโรงพยาบาลเด็กเซี่ยงไฮ้ ตามคำแนะนำในวันรุ่งขึ้น
ทางด้าน ผู้เชี่ยวชาญภาควิชาวิทยาต่อมไร้ท่อของโรงพยาบาลเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า ผลอัลตราซาวนด์พบว่าผู้ป่วยมีอวัยวะเพศ แต่ไม่มีลูกอัณฑะ นอกจากนี้ แพทย์ยังตรวจพบด้วยว่าสามีของเธอมีมดลูกและรังไข่ แม้ว่าจะมีปัญหาพัฒนาการที่ผิดปกติบ้างก็ตาม เพราะฉะนั้น จึงสรุปได้ว่า ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงแต่งงานกันมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว และยังไม่มีลูก
นั่นจึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่ศูนย์วิจัยการวินิจฉัยและการรักษาทางคลินิกของโรคพัฒนาการทางเพศของโรงพยาบาล สรุปได้ว่า ผู้ป่วยมีความผิดปกติของพัฒนาการระบบอวัยวะเพศ (DSD) กล่าวคือ ผู้ป่วยมีเพศสัมพันธ์ทางชีววิทยา เพศที่แท้จริงคือเพศหญิง แต่เนื่องจากต่อมหมวกไตมีมากเกินไปแต่กำเนิด ทำให้ต่อมหมวกไตหลั่งแอนโดรเจนจำนวนมาก ทำให้เกิดความเป็นชายในสตรี
หลังจากที่ได้ฟังคำวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คุณตู่ตกใจมากจนพูดไม่ออก ถึงขั้นเป็นลมล้มพับไป เมื่อหมอบอกว่า ตามเพศทางชีววิทยาสามีของเธอต้องถูกเรียกว่า “เธอ” ในขณะที่สามีของคุณตู่ก็ตกใจมากเช่นกันเมื่อรู้เรื่องนี้
คุณหมออธิบายเพิ่มเติมว่า DSD เป็นกลุ่มอาการทางการแพทย์ที่ส่งผลต่อการพัฒนาอวัยวะเพศ และลักษณะทางเพศของแต่ละบุคคล ความผิดปกติเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่แรกเกิด หรือเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น อาจทำให้เกิดปัญหาในการระบุเพศของแต่ละบุคคล และอาจส่งผลต่อสุขภาพการเจริญพันธุ์ในอนาคต
ทั้งนี้ เขายังชี้ให้เห็นว่า ยังมีความผิดปกติของพัฒนาการทางเพศประเภทอื่นๆ อีกมากมาย นอกเหนือจากภาวะต่อมหมวกไตมีมากเกินไปแต่กำเนิด เช่นสามีของคุณตู่ เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดภายนอกเพื่อฟื้นฟูอวัยวะสืบพันธุ์ชาย ขณะเดียวกันต้องรักษาด้วยการบำบัดด้วยแอนโดรเจนต่อไปเพื่อควบคุมอาการ เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ในฐานะผู้ชายไปตลอดชีวิต
กรณีของความผิดปกติของพัฒนาการทางเพศนั้นพบเห็นได้ไม่บ่อยนัก โดยเฉพาะในสังคมยุคใหม่ ไม่เพียงแต่ต้องเผชิญปัญหาสุขภาพเท่านั้น แต่ยังต้องอดทนต่อแรงกดดันจากสังคมด้วย การตรวจพบโรคตั้งแต่เนิ่นๆ ยังช่วยในการรักษาและชีวิตประจำวันของผู้ป่วยได้มาก จึงได้ให้สัญญาณของความผิดปกติของพัฒนาการทางเพศที่ต้องสังเกต เช่น
1. ลักษณะทางเพศที่ไม่ชัดเจน : ทารกอาจเกิดมาพร้อมกับอวัยวะเพศที่ไม่ตรงกับเพศของตนเอง เช่น อวัยวะเพศภายนอกอาจไม่ชัดเจนว่าเป็นชายหรือหญิง
2. การพัฒนาลักษณะทางเพศขั้นทุติยภูมิที่ผิดปกติ: ในช่วงวัยแรกรุ่น ผู้ที่มี DSD อาจมีลักษณะทางเพศที่ผิดปกติ เช่น เด็กผู้หญิงอาจมีขนบนใบหน้าหรือหน้าอก ในขณะที่เด็กผู้ชายอาจไม่มีลักษณะเพศชาย
3. ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือขาดไป : ผู้หญิงที่มี DSD อาจไม่มีประจำเดือนหรือมีรอบเดือนไม่ปกติ
4. ความยากในการระบุเพศ : ในบางกรณี การกำหนดเพศของเด็กอาจเป็นเรื่องยากขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์ภายนอก
5. ปัญหาเกี่ยวกับการเจริญพันธุ์ : บางคนที่มี DSD อาจมีปัญหาในการมีลูก หรือมีปัญหาเรื่องการเจริญพันธุ์
6. ความเจ็บปวดหรือไม่สบาย : บางคนอาจรู้สึกไม่สบายร่างกาย โดยเฉพาะเมื่อร่างกายไม่พัฒนาอย่างที่คาดหวัง
สิ่งสำคัญคือต้องใส่ใจคือ ฟังสัญญาณเตือนจากร่างกายของตัวเอง และไปพบผู้เชี่ยวชาญทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติเหล่านี้แทนที่จะอดทนหรือทำเป็นไม่ใส่ใจ
ขอบคุณข้อมูล SOHA , sanook.com