ด.ญ.วัย 14 ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ต้องฉีดอินซูลินตลอดชีวิต หมอเตือน 3 เมนูนี้ คนยุคใหม่ชอบกินแทนมื้ออาหาร!
“เสี่ยวหวู่” นักเรียนหญิงวัย 14 ปีจากประเทศจีน ต้องเผชิญกับชีวิตที่เปลี่ยนไปตลอดกาล หลังแพทย์วินิจฉัยว่าเธอป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งหมายความว่าเธอจะต้องฉีดอินซูลินทุกวันไปตลอดชีวิต เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ตามรายงานพบว่า เธอเริ่มมีอาการกระหายน้ำอย่างผิดปกติ ดื่มน้ำวันละกว่า 8 ขวด แต่กลับน้ำหนักลดลงถึง 10 กิโลกรัมในระยะเวลาอันสั้น ครอบครัวจึงพาไปพบแพทย์ และพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดขณะท้องว่างสูงถึง 18 mmol/L ซึ่งอยู่ในระดับอันตราย
แพทย์ระบุว่า เสี่ยวหวู่มีอาการของเบาหวานชนิดที่ 1 อย่างชัดเจน ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้าใจผิดว่าตับอ่อนเป็นสิ่งแปลกปลอม และไปทำลายเซลล์ที่ผลิตอินซูลิน ส่งผลให้ร่างกายขาดอินซูลินโดยสิ้นเชิง ต้องพึ่งการฉีดยาไปตลอดชีวิต
เบาหวานในวัยรุ่น พุ่งสูงทั่วโลก
เดิมทีโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เคยเป็นโรคที่พบมากในผู้ใหญ่ แต่ปัจจุบันมีแนวโน้มพบในวัยรุ่นเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูงร่วมกับการขาดการออกกำลังกาย เด็กบางคนเริ่มมีภาวะแทรกซ้อนตั้งแต่วันแรกที่ตรวจพบโรค
แม้พันธุกรรมจะมีผล แต่ผลวิจัยชี้ว่าพฤติกรรมการใช้ชีวิตมีอิทธิพลต่อความเสี่ยงในการเกิดโรคมากถึง 60% ซึ่งหมายความว่า แม้เป็นฝาแฝดที่มีพันธุกรรมเหมือนกัน แต่คนหนึ่งอาจเป็นเบาหวาน ในขณะที่อีกคนกลับสุขภาพดีได้ หากมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตต่างกัน
การกินอาหารให้ครบหมู่ในแต่ละมื้อเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่นที่อยู่ในช่วงเจริญเติบโต อย่างไรก็ตาม หลายคนกลับใช้เครื่องดื่มหรือขนมบางชนิดแทนอาหารมื้อหลัก ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานและโรคอ้วน โดยแพทย์ได้ย้ำเตือนถึง 3 สิ่งนี้เป็นพิเศษ ว่าอย่ากินแทนมื้ออาหาร!
- น้ำผลไม้ : แม้จะโฆษณาว่าเป็น “น้ำผลไม้ 100%” แต่หนึ่งขวดสามารถมีปริมาณน้ำตาลเทียบเท่ากับน้ำอัดลม และมากถึง 14 ก้อนน้ำตาล! ที่สำคัญคือเส้นใยอาหารหายไปหมด ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงทันทีที่ดื่ม
- เครื่องดื่มโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว : แม้จะมีโปรไบโอติกส์ แต่ในขวดขนาด 340 มล. ของบางแบรนด์ มีน้ำตาลมากถึง 50 กรัม เกินปริมาณที่แนะนำต่อวันแบบเห็นๆ
- บิสกิตธัญพืช หรือคุกกี้โฮลวีต : แม้ดูเหมือนจะดีต่อสุขภาพ แต่ขนมเหล่านี้มักมีการเติมน้ำมันพืชจำนวนมากเพื่อให้รสชาติอร่อย บางชนิดมีไขมันสูงถึง 30% การกินเพียงไม่กี่ชิ้นก็เทียบเท่ากับการบริโภคน้ำมันโดยตรง
ดังนั้น ควรปรับพฤติกรรมก่อนสายเกินไป เพราะโรคเบาหวานในวัยรุ่นสามารถป้องกันได้ หากเริ่มต้นจากพฤติกรรมพื้นฐาน เช่น กินอาหารให้ครบหมู่ ลดน้ำตาล ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ “สุขภาพดีเริ่มได้ที่บ้าน พ่อแม่คือด่านแรกในการดูแลอนาคตของลูก”