เมื่อวันที่ 4 เมษายน 68 เพจ เตือนภัยพิบัติฝนฟ้าอากาศ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า เตรียมรับมือ! พายุฤดูร้อนจ่อถล่มอีสาน ลมเฉือนแรง+ร้อนระอุบางพื้นที่อาจทะลุ 40 องศา
>เสี่ยงหนักช่วงบ่ายรับมือพายุฤดูร้อน!
1. ลมระดับบน (5,500 เมตร) ที่เป็นลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดลงมาปะทะกับ
2. ลมระดับล่างถึงกลาง (1,500 – 3,000 เมตร) ที่เป็นลมตะวันออกเฉียงใต้ถึงใต้ การปะทะกันของลมสองทิศทางนี้ สร้าง “แนวลมเฉือน” ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นสำคัญให้เกิดพายุฤดูร้อน โดยเฉพาะเมื่อมี: อุณหภูมิสูง (35-40°C) ทำให้บรรยากาศร้อนจัดใกล้ผิวดิน ความชื้นระดับปานกลางถึงสูง (40-50%) เพียงพอให้กลุ่มเมฆก่อตัวหนาแน่น
>ทั้งหมดนี้เป็นสูตรสำเร็จของพายุฤดูร้อน โดยเฉพาะในช่วงบ่ายถึงเย็น อาจเกิดได้ทั้ง ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฟ้าแลบฟ้าผ่า
>สรุป: วันนี้ “มีแนวโน้มสูง” ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเกิดพายุฤดูร้อนในบางพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงบ่ายถึงค่ำ หากมีเมฆก่อตัวสูงเร็ว และลมแรงก่อนฝนตก ให้รีบหลบภัยในที่ปลอดภัยทันที ห้ามอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้งระวังอันตรายจากฟ้าแลบฟ้าผ่า ระวังอันตรายจากลมกระโชกอย่างรุนแรง ชาร์จแบตให้เต็มเพราะอาจจะเกิดปัญหาไฟดับตามมาได้จากปัญหาต่างๆ (คาดระดับรุนแรงจากอุณหภูมิที่ร้อนจัดความชื้นที่เหมาะสม) แบบจำลองพยากรณ์อากาศอุณหภูมิผิวพื้นจากแบบจำลอง gfs เมกา และแบบจำลองพยากรณ์อากาศฝนสะสม 24 ชั่วโมง jma จาก japan #แจ้งเตือนพายุฤดูร้อน #พายุฤดูร้อน #พยากรณ์อากาศ 22/4/2568
>บริเวณพื้นที่เสี่ยง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง โดยเฉพาะบริเวณที่เปื้อนสีอาจมีเมฆครึ้มๆและมีฝนตกหรือพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นได้เป็นบางพื้นที่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ ลพบุรี อ่างทอง นครราชสีมา ชัยภูมิ เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ มุกดาหาร นครพนม สกลนคร กาฬสินธ์ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด สารคาม
>โดยเฉพาะบริเวณตัวหนังสือสีเข้มๆระวังอันตรายพายุฤดูร้อน จากแบบจำลองฝนสะสม 24 ชั่วโมง พายุฤดูร้อนที่มักเกิดในช่วงบ่ายแก่ ๆ มีสาเหตุหลักมาจาก ลักษณะของอากาศร้อนชื้น และการลอยตัวของอากาศ อย่างรุนแรง ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลักการทางอุตุนิยมวิทยาดังนี้:
1. อุณหภูมิพื้นดินร้อนจัด (Convective Heating) ในช่วงกลางวัน โดยเฉพาะบ่ายแก่ ๆ พื้นดินจะได้รับความร้อนจาก แสงแดดเต็มที่ พื้นดินร้อนจะทำให้อากาศใกล้พื้นอุ่นและลอยตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
2. อากาศชิ้น บรรยากาศในช่วงฤดูร้อนจะมีไอน้ำสะสมสูง เพราะมีการระเหยของน้ำจากพื้นดิน พืช และแหล่งน้ำ เมื่ออากาศอุ่นลอยตัวสูงขึ้น มันจะเย็นลงจนถึงจุดที่ไอน้ำควบแน่นกลายเป็นเมฆ
3. เกิดเมฆคิวมูโลนิมบัส (Cumulonimbus) เมฆแบบนี้มีลักษณะสูงใหญ่ ทะลุชั้นบรรยากาศ และมักก่อให้เกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า และลูกเห็บ เมฆนี้เกิดจากการยกตัวของอากาศอย่างรวดเร็ว (strong convection)
4. ความไม่เสถียรของบรรยากาศ (Atmospheric Instability) ถ้าอากาศชั้นบนเย็นกว่าปกติ หรือมีลมเปลี่ยนทิศทาง (Wind Shear) ยิ่งทำให้เกิดการหมุนวนภายในเมฆและเสริมความรุนแรงของพายุ
>เมื่ออุณหภูมิผิวพื้นอยู่ที่ 35-40°C และอากาศชั้นบนที่ความสูงประมาณ 5,500 เมตร มีอุณหภูมิติดลบ -5 ถึง -10°C จะเกิดกระบวนการที่เรียกว่า: การควบแน่นของไอน้ำและการก่อตัวของเมฆแบบ “คิวมูโลนิมบัส” โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้:
1. การยกตัวของอากาศอุ่น (Thermal Convection) อากาศใกล้พื้นร้อนจะเบาและลอยตัวขึ้น เมื่อสูงขึ้น อุณหภูมิจะลดลง ประมาณ 6.5°C ต่อ 1,000 เมตร (ค่าเฉลี่ย Lapse Rate) ที่ความสูง 5,500 เมตร อากาศจึงเย็นลงพอที่จะถึง จุดควบแน่น (Dew Point)
2. การควบแน่น (Condensation) ไอน้ำในอากาศที่ลอยตัวสูงจะเย็นลงจนควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำเล็ก ๆ กระบวนการนี้จะปลดปล่อยพลังงานแฝง (Latent Heat) ซึ่งทำให้เมฆพัฒนาและสูงขึ้นอีก เมื่อลอยตัวสูงพอ หยดน้ำเริ่มใหญ่ขึ้นและเกิดฝน
3. การควบแน่นแบบเย็นจัด (Supercooled Condensation) ที่อุณหภูมิประมาณ -5 ถึง -10°C หยดน้ำบางส่วนยังอยู่ใน สภาพของเหลว แม้จะต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง (เรียกว่า “supercooled water”) ถ้ามีอนุภาคเล็ก ๆ (เช่น ฝุ่น เกลือ หรือคริสตัล น้ำแข็ง) จะกระตุ้นให้หยดน้ำเหล่านั้นกลายเป็นน้ำแข็ง เมื่อหยดน้ำและผลึกน้ำแข็งปะทะกัน- กลายเป็นเม็ดฝนหรือลูกเห็บ ยิ่งลมพัดแรงในบรรยากาศชั้นบนลูกเห็บยิ่งใหญ่
4. การเกิดเมฆคิวมูโลนิมบัส เป็นเมฆขนาดใหญ่ที่ยอดทะลุไปถึงชั้นโทรโพสเฟียร์ชั้นบน บ่อยครั้งเกิดพายุฟ้าคะนอง ลม แรง ฟ้าผ่า และบางครั้งมีลูกเห็บ เมื่ออากาศร้อนจัดจากพื้นดินลอยตัวขึ้นไปเจออากาศเย็นจัดที่ระดับ 5,500 เมตร จะเกิดการควบแน่นอย่างรุนแรง – ก่อตัว เป็นเมฆคิวมูโลนิมบัส
– ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง หรือที่เราเรียกว่า พายุฤดูร้อน สรุป:ช่วงบ่ายแก่ ๆ พื้นดินร้อนจัด
– อากาศอุ่นลอยตัวสูง
– ไอน้ำควบแน่นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่
– ถ้าอากาศชั้น บนไม่เสถียร ก็จะกลายเป็นพายุฤดูร้อน