แพทย์อเมริกัน อวยเครื่องดื่ม “ล้างตับไต” ใช้แค่ผลไม้ 1 ชนิด ที่ไทยมีตลอดปี!!!

แพทย์อเมริกัน แนะนำ “น้ำมะนาว” ดื่มทุกวัน ลดไขมันในตับและเลี่ยงนิ่วในไต แถมชะลอวัยและลดคอเลสเตอรอล!

มะนาวเป็นผลไม้ที่หาได้ง่ายในประเทศไทย สามารถปลูกได้ตลอดปี และมีราคาถูก ประชาชนสามารถหาซื้อได้ตามตลาดทั่วไปหรือซูเปอร์มาร์เก็ต ไม่เพียงแค่ให้รสเปรี้ยวสดชื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นวัตถุดิบหลักในการทำ “น้ำมะนาว” ซึ่งให้ประโยชน์ต่อร่างกายอย่างหลากหลาย

ดร.เอริก เบิร์ก (Dr. Eric Berg) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยผ่านช่องยูทูบของตนว่า การดื่มน้ำมะนาวเป็นประจำทุกวัน สามารถส่งผลดีต่อสุขภาพในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น

  • ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
  • ลดไขมันพอกตับ
  • ลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต
  • ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
  • ชะลอกระบวนการชราภาพ
  • ส่งเสริมการลดน้ำหนัก

คุณหมออธิบายว่า น้ำมะนาวเครื่องดื่มเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางสุขภาพ มีคุณสมบัติช่วย “ละลายไขมันในตับ” และ “ชะล้างเกลือน้ำดี” ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการสะสมไขมันในตับ ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอล และยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย รวมถึงช่วยให้การทำงานของถุงน้ำดีดีขึ้น

สารอาหารสำคัญในมะนาว ช่วยเสริมการทำงานของร่างกาย เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งดีต่อหัวใจและหลอดเลือด ทั้งยังมีไฟเบอร์แบบละลายน้ำ ช่วยลดคอเลสเตอรอล อีกทั้งยังมีสารอาหารที่เรียกว่า “โคลีน” ซึ่งส่งผลดีต่อตับ สมอง และกระบวนการเผาผลาญไขมันของร่างกาย

นอกจากนี้ ยังมีสารพฤกษเคมี เช่น ลิโมนิน (limonin) และนารินจิน (naringin) ที่มีงานวิจัยบางส่วนระบุว่าอาจช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL และไตรกลีเซอไรด์ อีกทั้งยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา

ดร.เบิร์กชี้ว่า สารซิเตรต (citrate) ในน้ำมะนาวสามารถจับตัวกับสารออกซาเลต (oxalate) ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดนิ่วในไต จึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคนี้ได้

อีกทั้งยังอ้างถึงการทดลองในสัตว์ที่แสดงให้เห็นว่า การดื่มน้ำมะนาวสามารถช่วย “ยืดอายุ” และ “ชะลอความเสื่อมของร่างกาย” ได้ โดยสัตว์ทดลองที่ได้รับน้ำมะนาว มีอายุยืนขึ้นประมาณ 3 สัปดาห์จากการทดลองดื่มเพียง 5 สัปดาห์

ข้อควรระวังในการดื่มน้ำมะนาว ถึงแม้ประโยชน์จะมีมากมาย แต่ ดร.เบิร์ก ก็เตือนว่า ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมะนาวทันทีหลังอาหาร และแนะนำให้ดื่มก่อนหรือหลังมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาที รวมถึงควรเจือจางน้ำมะนาวกับน้ำเปล่าให้เหมาะสมและควรใช้หลอดดูดเพื่อลดการสัมผัสกับผิวฟัน เพราะความเป็นกรดอาจกัดเคลือบฟันได้

สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร เช่น แผลในกระเพาะหรือกรดไหลย้อน ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมะนาว เพราะอาจทำให้เกิดอาการแสบหรือระคายเคือง

สุดท้าย ดร.เบิร์กเน้นว่า น้ำมะนาวไม่ใช่ “ยาวิเศษ” และไม่สามารถรักษาโรคได้เพียงลำพัง ควรบริโภคเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่หลากหลาย มีผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนไร้มัน รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ และไม่สูบบุหรี่ เพื่อดูแลสุขภาพแบบองค์รวม