เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 68 จากกรณีญาติผู้ป่วยตบหน้าพยาบาล 2 ทีแรงจนพยาบาลเซ ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก Drama-addict ได้เผยโพสต์ของผู้ก่อเหตุ โดยเพจระบุข้อความว่า อันนี้ทางฝั่งญาติคนไข้ออกมาแถลง เนื้อหาก็สอดคล้องกันแต่ทาง ญาติคนไข้ ต้องเข้าใจนะครับว่าโรคติดเชื้อไม่ได้มีแค่ไข้หวัดใหญ่ ยังมีปอดบวมจากโรคอื่นๆได้อีกสารพัด เช่นโควิด เชื้อไวรัสเชื้อแบคทีเรียอีกหลายชนิด รวมไปถึงพวกเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาลด้วยซึ่งพวกนี้รุนแรงมาก พยาบาลตอนแรกก็ปรามแล้วว่าไม่ควรเอาเด็กเข้าไป แต่ ทางญาติก็ยังยืนกรานจะเอาเด็กเข้าไปบอกว่าเพิ่งหายจากไข้หวัดใหญ่
ซึ่งก็อย่างที่อธิบายไปว่าต่อให้หายจากไข้หวัดใหญ่ก็ยังเสี่ยงติดเชื้อตัวอื่นในไอซียูได้ พยาบาล เห็นญาติยังพาเด็กเข้ามาในไอซียูก็ตกใจเลยบอกให้รีบเอาเด็กออกไปซึ่งเข้าใจได้ เพราะเขาห่วงความปลอดภัยของเด็ก การที่เค้าบอกว่าอยากสูญเสียลูกอีกคนใช่ไหมถ้าพาเด็กเข้ามาในนี้ ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วเพราะถ้าเด็กติดเชื้อดื้อยาในไอซียูขึ้นมานี่โคตรเรื่องใหญ่เลยนะครับ ถ้าเกิดเด็กติดเชื้อขึ้นมา คุณพ่อคุณแม่ตบไล่เชื้อออกจากตัวลูกไม่ได้นะครับ
นอกจากนี้ยังแนบโพสต์ชี้แจงจากฝั่งคู่กรณีว่า ขออนุญาตเล่าอีกมุมของผู้ป่วยนะคะ ยาวนิดแต่อยากให้อ่านจนจบ ครอบครัวน้องมีกัน 6 คน พ่อ แม่ ลูก 3 คน และคุณยาย เด็ก 6 ขวบ 2 คน 3 ขวบ 1 คน น้องทั้งสามคนไปโรงเรียนและติดไข้หวัดสายพันธุ์เอกันมาแล้ว โดยคุณยายเป็นคนดูแลน้องเลยติดไข้มา เช้าวันเสาร์คุณยายมีอาการไข้พาไปหาหมอโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งได้ยากลับมากิน เช้าวันอาทิตย์มีอาการช็อกหายใจไม่ออก เลยส่งโรงพยาบาลใกล้บ้านโรงพยาบาลเลยส่งต่อมาโรงพยาบาลใหญ่ เพราะไวรัสลงปอดทั้งสองข้างแล้ว มันเร็วมากจนตั้งตัวไม่ติด
ช่วงบ่ายคุณหมอโทรมาบอกว่าคุณแม่อาการหนักให้สแตนด์บายรอโรงพยาบาลลูกสาวเลยโทรบอกสามีให้มาอยู่ด้วยก็ต้องเอาลูกมาด้วยอยู่แล้วเพราะไม่มีคนเลี้ยงพอถึงเวลาเค้าเยี่ยมสามีก็เลยพาหลานรักยาย เข้าหนึ่งคน ถ้าคุณคุณยายเห็นจะได้มีกำลังใจสู้ เจอพี่พยาบาลคนที่หนึ่ง เค้าก็พูดจาน่ารักบอกเด็กเข้ามาอันตรายนะคะ พ่อเค้าเลยบอกว่า ยายติดมาจากเด็กครับ เด็กเพิ่งหาย มาให้ยายเห็นหน้าหน่อยยายจะได้สู้ๆ พี่พยาบาลคนเดิมบอกว่าได้ๆ แต่คนไข้เช็ดตัวอยู่ ค่อยเข้ามาใหม่นะ
ก็เดินออกไปจากห้อง รอบใหม่ ลูกสาวบอกว่าเดี๋ยวพาน้องไปดูแม่ (เพราะสามีต้องเฝ้าลูกอีกสองคนที่ต้องหอบมาด้วย) ลูกสาวก็พาน้องเข้าไป พยาบาลที่เช็ดตัวยายอยู่ เดินออกมาจากห้อง ปิดประตูดัง ดึงแมสลงจากปาก ชักสีหน้าแล้วพูดเสียงดัง แบบตะคอกว่า “สูญเสียแม่อีกคนยังไม่พอ อยากจะสูญเสียลูกอีกคน ยอมรับได้ใช่ไหมพาเด็กออกไปเดี๋ยวนี้”
ลูกสาวก็ตกใจ พูดแค่ว่า โอเคได้ค่ะ แล้วเดินออกไป ยังไม่ทันได้ดูแม่เลย พ่อออกไปข้างนอกก็บอกสามีว่า เธอเข้าไปดูแม่คนเดียว เดี๋ยวพาลูกลงไปรอข้างล่าง โดนพี่เขาว่ามา แล้วลูกก็เล่าให้พ่อเขาฟังว่า
ป๊าป๊า : พยาบาลด่าหนู แล้วพี่เขาก็ไม่ขอโทษหนูเลย เค้าตะคอกใส่หนู
ด่าเรื่องไรลูก
เมียเลยเล่าแล้วร้องไห้หนักมาก ไม่ได้ร้องเพราะโดนด่ามาแต่งงว่า สรุปแม่ตายแล้วหรอ คือแม่จะไม่รอดแล้วหรอมันเร็วไปไหม งงในความรู้สึกนั้นมาก สามีเค้าเลยโมโหแต่เข้าไปแล้วดูแม่ยาย ก็พยายามอดทนคำพูดที่ได้ยินมา แต่ไม่ไหวจริงๆ
เลยถามเมื่อกี้ใครด่าลูกเมียผม และบันดาลโทสะตบหน้าไปสองครั้ง ก็สอนไปว่าเวลาพูดกับใครก็ให้รู้จักให้เกียรติคนไข้และญาติคนไข้บ้างทำร้ายความรู้สึกกันทำไม คุณเป็นพยาบาลไม่มีจรรยาบรรณบ้างหรอ แล้วก็เดินมาบอกเมียว่า เดี๋ยวรอพบตำรวจ และก็ยอมรับกับตำรวจว่าทำจริงครับ ผมบันดาลโทสะไปจริงๆ ทางครอบครัวเราไม่ได้สนับสนุนความรุนแรง และยอมรับว่าทำจริงจากการบันดาลโทสะ และถ้าทางคู่กรณีจะดำเนินให้ถึงที่สุดก็ยินดีน้อมรับ
