“พิธา” ยก “ลิซ่า” เป็นผู้ทำคุณูปการ นายกฯ ขอบคุณคำนึงถึงบ้านเกิด ถ่าย MV ช่วยโปรโมตท่องเที่ยวไทย

วันนี้ (30 มิ.ย. 2567) ที่อาคารอนาคตใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึง MV ของ”ลิซ่า” ที่โด่งดังจนทำเยาวราชแตก ว่า ตนได้ฟังแล้ว ทุกอย่างเป็นระดับโลกทั้งหมด ทั้งคำร้องที่เป็นภาษาอังกฤษและคำแร๊ป รวมไปถึงเทคนิคการถ่ายทำ ถือเป็นผลงานระดับโลกที่ตนในฐานะคนไทยก็ภูมิใจ

ขณะเดียวกัน ก็มี “Local Content” จำนวนมาก และแม้เป็นผลงานระดับโลก แต่การประสานงาน การเต้นหรือคนที่อยู่ในภาพประกอบ ของ Music Video ก็เป็นคนไทยทั้งนั้น ต้องขอชื่นชมไปยังคุณลิซ่าและบริษัทด้วย ที่ทำให้ประเทศไทยได้รับความสนใจ อย่างน่าเหลือเชื่อ และที่ผ่านมาไม่มีบุคคลใดทำได้เท่านี้ ซึ่งน่าจะทำให้เกิดการรับรู้ เพราะการที่คุณลิซ่า ร้องว่า “Can you teach me Japanese?” I said, ไฮ ไฮ ”

“มันก็เป็นการแสดงให้คนภูมิภาคอื่น รู้ว่าในเอเชียมีหลายเชื้อชาติ มีความเป็นคนไทยอยู่ด้วย เป็นการเอาคนไทย เอาความสามารถไทย เอานักเต้นไทย ได้ข่าวว่า ช่างทำเล็บหรือช่างแต่งหน้าก็เป็นคนไทยด้วย” นายพิธา กล่าว

เมื่อถามว่ารัฐบาลสามารถนำโมเดลของลิซ่ามาผลักดันเป็น Soft Power ได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า “การที่ Power จะเป็น Power ที่ Soft ได้มันยัดเยียดหรือประดิดประดอยไม่ได้ และอย่างที่ 2 ถ้าอยากถอดบทเรียน คือคุณลิซ่ารู้ว่าโลกต้องการอะไร แล้วย้อนกลับมา เขาเป็น Outside in ไม่ได้เป็น Inside out แบบที่เรานิยามความเป็นไทยกัน บังคับให้ทุกคนเสพความเป็นไทยตามที่เราต้องการ แต่เขาดูว่าความต้องการของโลกและเทรนโลกเป็นอย่างไร แล้วเขาค่อยกลับมาทำในมุมมองของเขา แล้วค่อยนำเสนอ เลยกลายเป็นอำนาจที่อ่อนจริงๆ”

เมื่อถามว่า ในมุมของพรรคก้าวไกล จะเอาปรากฏการณ์นี้ไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์อย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ในระยะสั้น เมื่อลิซ่าทำคุณูปการให้กับประเทศไทย ขนาดนี้แล้ว ดังนั้นต้องไปเตรียมเรื่องการท่องเที่ยวให้ดี เพราะในส่วนของ Demand ไม่มีปัญหาคนอยากมาท่องเที่ยวอยู่แล้ว คนนิยมชมชอบกรุงเทพฯอยู่แล้ว อย่างสมุยก็เป็นเกาะระดับต้นๆ ของโลก อาหารก็เป็นระดับต้นๆ แต่สิ่งที่ต้องเตรียมคือ Supply ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว และการให้ข้อมูลหลายภาษา ทำให้ไกด์ไทย มีโอกาสเข้าไปอยู่ในโซ่มูลค่า เราว่าต้องมานั่งคิดแล้วในเมื่อคุณลิซ่าทำคุณูปการ รัฐบาลจะรับลูกอย่างไร อย่าทำให้สาธารณูปโภค หรือการท่องเที่ยวเข้มแข็ง และทำให้เม็ดเงินการท่องเที่ยวกระจายออกไม่ใช่กระจุกตัว

“การวางเส้นทาง ถ้าคุณจะมา Rock Star Tour ต้องมาเริ่มต้นที่เยาวราช เสร็จแล้วจะเอาสตอรี่อะไรต่อ ให้เขาสามารถไปที่อื่น ที่เขาจะไม่ไปตั้งแต่ตอนแรก ทำให้เขาอยู่ได้นานขึ้น ไม่ใช่อยู่แค่ 3-4 วันแล้วกลับ รวมถึงมีสินค้าท้องถิ่นให้นักท่องเที่ยวซื้อกลับ ไม่เช่นนั้นเวลากินเบียร์ก็กินเบียร์ฝรั่ง มีแต่เชนต่างประเทศ โดยที่โซ่มูลค่าไม่ตกถึงคนไทย ตนเชื่อว่า กทม. รัฐบาล ก็รับลูกทำอยู่”

นายพิธา ยังกล่าวว่า สิ่งที่ลิซ่าทำถือเป็นพรสวรรค์ และพรแสวง เพราะกว่าจะมาถึงวันนี้ได้เขาต้องต่อสู้มาอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นภาษาทักษะการร้องเต้น เวลามองตัวไม่ได้มองแค่ปลายทางที่เขาประสบความสำเร็จ แต่ขอชื่นชมเขาในสิ่งที่ต่อสู้และผลักดันมาตลอด จนกระทั่งมาเป็นแบบนี้ ยืนยันว่า ตนไม่ได้โหน แต่คิดว่าทั้งหมดทั้งมวล ควรจะสร้างระบบนิเวศให้พรสวรรค์ไทย ที่มาจากบุรีรัมย์ มาจากสตูล มาจากเชียงใหม่ สามารถอยู่ในประเทศแล้วประสบความสำเร็จได้ นักการเมืองควรจะคิดเช่นนั้นมากกว่า

เมื่อถามว่า “เขาว่าทำถึง” หรือไม่ นายพิธา ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ทำเกิน”

ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึง MV ของ ลิซ่า ที่มาถ่ายทำที่เยาวราช และเป็นที่นิยมสูงสุดทำให้นักท่องเที่ยวแห่ไปเที่ยวเยาวราชรัฐบาลจะต่อยอดอย่างไร ว่า เมื่อคืน (29มิ.ย.) ได้ฟังการให้สัมภาษณ์ของลิซ่า ที่มาถ่ายทำ MV ที่เยาวราช ต้องขอขอบคุณที่คำนึงถึงประเทศที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน

ทั้งนี้เยาวราชก็มีศักยภาพสูงมาก คนจีนเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ไม่อยากพูดถึงแค่เยาวราชอย่างเดียวเพราะทรงวาดวาดหรือที่อื่นๆ บริเวณใกล้เคียงทางวัดภูเขาทอง ก็มีศักยภาพในการท่องเที่ยว และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างดีมาก

แต่ส่วนตัวเหนือสิ่งอื่นใดคิดว่า ความปลอดภัยและระบบสาธารณสุขเป็นเรื่องสำคัญ จึงต้องขอบคุณนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ทำงานร่วมกับนายเสริมศักดิ์พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ลงพื้นที่ไปดูแลเรื่องความสะอาดสุขาอนามัยทั้งหมด และการที่ลิซ่ามาโปรโมทเพลงได้ยอดวิวคนดูไปหลายสิบล้านวิว ตนเชื่อว่านักท่องเที่ยวต้องเดินทางมาอย่างแน่นอน ซึ่งมาแล้วก็จะต้องไม่ผิดหวัง คือเรื่องของมาตรฐานและความสะอาด รวมถึงความปลอดภัย

ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงกรณีที่ทัวร์ชื่อดังหลายแห่งล้มละลาย จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ที่เราตั้งเป้าไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากช่วงที่เกิดโควิดเมื่อสองถึงสามปีที่แล้ว คนที่มีความแข็งแกร่งน้อยก็ไม่สามารถอยู่ได้ คนที่ไม่แข็งแรงก็ไปต่อ แต่เมื่อมีล้มก็ต้องมีลุกขึ้นมาใหม่ ปัจจุบันก็มีรายใหม่ๆ เกิดขึ้นมา ตอนนี้ตัวเลขผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยก็เป็นที่น่าพอใจไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เรามีการส่งเสริมตลาดใหม่ๆ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็มีการ ไปเปิดตลาดใหม่ ๆ สำหรับประเทศที่มีชื่อลงท้ายด้วยสถาน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อนของกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อย่างประเทศอินเดียก็ฟรีวีซ่าให้กับคนไทยแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

และตนก็จะไปเยือนอินเดีย ระหว่างวันที่ 15 – 16 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะมีการหารืออย่างเป็นทางการครั้งแรก หนึ่งในเรื่องใหญ่ที่จะหารือคือเรื่องของการบิน ที่เราจะเชิญสายการบินของอินเดียมาลงที่ประเทศไทยมากขึ้น แต่ปัญหาใหญ่ของการท่องเที่ยววันนี้คือ จำนวนเที่ยวบินที่บินเข้ามาไม่เพียงพอ

แท็กที่เกี่ยวข้อง