สาววัย 22 ฉี่สีเข้มเหมือนชา หมอบอก “ไตใช้ไม่ได้แล้ว” เปิดนิสัย 3 ข้อ ที่หลายคนชอบทำ

สาววัย 22 ฉี่สีเข้มเหมือนชา หมอบอก “ไตสองข้างใช้ไม่ได้แล้ว” เปิดนิสัย 3 ข้อ นำไปสู่หายนะ อาหารที่กิน-น้ำที่ดื่ม-เวลาที่นอน

ในช่วงวัยที่สวยงามที่สุดของชีวิต ขณะที่ทุกครอบครัวกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน เสี่ยวอวี่ หญิงสาววัย 22 ปี จากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน กลับต้องนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เนื่องจากภาวะไตวายระยะสุดท้าย

เสี่ยวอวี่เป็นหญิงสาวที่ร่าเริงและชอบการผจญภัย แต่เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน เธอเริ่มรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อยแต่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก จนกระทั่งช่วงครึ่งหลังของปี 2024 อาการของเธอแย่ลง เธอมักจะรู้สึกคลื่นไส้ เหนื่อยล้า ปัสสาวะลำบาก และเมื่อลองสังเกต ปัสสาวะของเธอมีสีเข้มคล้ายชาที่ตั้งทิ้งไว้ เมื่อครอบครัวพาไปพบแพทย์ ก็ได้รับข่าวร้ายว่า “ไตทั้งสองข้างของเธอเสียหายจนใช้งานไม่ได้แล้ว”

โดยเฉพาะ เสี่ยวอวี่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นไตวายระยะสุดท้ายและภาวะยูเรียในเลือดสูง ตามที่แพทย์ผู้ดูแลอธิบาย ภาวะไตวายหมายถึงการที่ไตสูญเสียความสามารถในการกรองของเสียออกจากเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนภาวะยูเรียในเลือดสูงเกิดขึ้นเมื่อไตไม่สามารถขับของเสียออกจากเลือดได้ ทำให้สารพิษ เช่น ยูเรียไนโตรเจนและครีเอตินีนสะสมในร่างกาย ซึ่งเป็นสัญญาณของไตวายระยะสุดท้าย หากไม่ได้รับการรักษา อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อระบบประสาท หัวใจ และระบบย่อยอาหาร รวมถึงอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

ชีวิตที่เปลี่ยนไปเพราะพฤติกรรม “1 กิน 1 ดื่ม 1 นอน”

ในตอนแรก เสี่ยวอวี่ตกใจและไม่อยากเชื่อกับผลวินิจฉัย เพราะเธอยังอายุน้อยและคิดว่าอาการของเธอไม่ได้รุนแรงนัก แต่เมื่อแพทย์ทำการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้ชีวิตและตรวจสอบประวัติสุขภาพของเธอ เสี่ยวอวี่กลับรู้สึกเสียใจและละอายใจ เพราะต้นเหตุของโรคมาจากพฤติกรรมการกิน การดื่ม และการใช้ชีวิตตอนกลางคืนของเธอเอง

1. การกิน: ชอบกินของทอด

เสี่ยวอวี่ชื่นชอบอาหารทอด โดยเฉพาะไก่ทอดและมันฝรั่งทอด เธอกินมันแทบทุกวันติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 4 ปี การบริโภคอาหารทอดมากเกินไปเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลเสียต่อไต ไขมันทรานส์และน้ำมันที่ใช้ทอดซ้ำทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระที่กระตุ้นการอักเสบ ส่งผลให้ไตทำงานหนักเกินไปและอาจนำไปสู่ภาวะไตวายเรื้อรัง

2. การดื่ม: ติดชานมไข่มุก

เช่นเดียวกับวัยรุ่นจีนจำนวนมาก เสี่ยวอวี่ดื่มชานมแทบทุกวัน โดยบางวันเธอดื่มมากถึง 5 แก้ว โดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์หรือเวลาที่เธอเครียด แพทย์ของเธอระบุว่าน้ำตาลเทียมเป็นภัยร้ายต่อไต น้ำตาลในปริมาณสูงสามารถกระตุ้นระดับอินซูลินและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ซึ่งหากเป็นเรื้อรัง อาจทำให้เกิดภาวะไตเสื่อมและนำไปสู่ไตวาย นอกจากนี้ ชานมยังมีปริมาณฟอสฟอรัสสูง ทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อนำออกจากร่างกาย ซึ่งเมื่อสะสมเป็นเวลานาน อาจทำให้ประสิทธิภาพในการกรองของไตลดลงและนำไปสู่ไตวายเรื้อรัง

3. การใช้ชีวิตตอนกลางคืน: นอนดึก

ตั้งแต่เรียนจบมัธยมปลาย เสี่ยวอวี่แทบไม่เคยนอนก่อนตี 1 โดยเวลานอนปกติของเธออยู่ระหว่างตี 2 ถึงตี 3 การอดนอนเป็นเวลานานส่งผลให้วงจรชีวิตและกระบวนการขับสารพิษของไตรวนลูปผิดปกติ เมื่อไตไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ ความสามารถในการกรองของเสียจะลดลง และหากสะสมเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่ภาวะไตวาย นอกจากนี้ การนอนดึกยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน และโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไตเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

เรื่องราวของเสี่ยวอวี่เป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพไต พฤติกรรมการกินและใช้ชีวิตในปัจจุบันอาจดูเหมือนไม่มีผลเสียในทันที แต่หากสะสมไปนาน ๆ อาจนำไปสู่โรคร้ายแรงโดยไม่ทันตั้งตัว การเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดน้ำตาล หลีกเลี่ยงอาหารทอด และพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นสิ่งที่ช่วยให้ไตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันปัญหาสุขภาพร้ายแรงในอนาคต