ช็อกมาก! ชาวบ้านเจอกระเป๋าเดินทางสีแดงถูกทิ้งไว้ พบร่างคุณแม่เลี้ยงเดี่ยววัยสาวอายุ 29 ปี (ข่าวตปท.)

วันที่ 26 มกราคม 2568 เว็บไซต์ต่างประเทศ ได้มีการรายงานคดีสุดช็อกสะเทือนขวัญ ที่เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อมีชาวบ้านพบเห็นกระเป๋าเดินทางสีแดงถูกทิ้งในพื้นที่เมืองงาวี จังหวัดชวากลาง แต่ปรากฏว่าเมื่อกระเป๋าถูกเปิดออกกลับพบว่า ด้านในเป็นความสยดสยองอย่างที่ไม่คาดฝัน เหยื่อสาวร่างเปลือยถูกฆาตกรรมและแยกชิ้นส่วนถูกตัดศีรษะและส่วนขาหายไป

ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นเผยว่า เมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมา ชาวบ้านรายหนึ่งชื่อว่า ยูซอฟ วัย 40 ปี เป็นผู้พบกระเป๋าเดินทางสีแดงใบนี้ถูกนำมาทิ้งในจุดทิ้งขยะใกล้กับหมู่บ้าน ด้วยความสงสัยเขาจึงเข้าไปเปิดออกดู แต่แล้วก็ต้องช็อกสุดขีด เมื่อพบว่า มีร่างของมนุษย์ผู้หญิงเปลือยเปล่าถูกยัดอยู่ด้านใน แต่ไม่มีส่วนศีรษะและขา จึงรีบแจ้งตำรวจทันที

เจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซียยืนยันตัวตนของผู้เสียชีวิตด้วยลายนิ้วมือ โดยโฆษกตำรวจ เปิดเผยหลังมีการตรวจสอบแล้วว่า เหยื่อรายนี้ชื่อว่า Uswatun Khasanah อายุ 29 ปี เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูก 2 คน ทั้งนี้ ทางตำรวจยืนยันว่า ศีรษะและขาของเหยื่อสาวไม่ได้อยู่ในกระเป๋าเดินทาง ทางทีมสืบสวนยังคงตามหาและยังไม่สามารถระบุตำแหน่งได้ว่าอยู่ที่ไหน

อย่างไรก็ตาม จากผลชันสูตรพลิกศพในเบื้องต้น ระบุว่า เหยื่อเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ โดยทางเจ้าหน้าที่คาดว่า ถูกบีบคอจนทำให้หายใจไม่ออกและถึงแก่ชีวิต จากนั้นฆาตกรได้ตัดแยกชิ้นส่วน ก่อนที่จะนำใส่กระเป๋าเดินทางและนำไปทิ้งตรงบริเวณดังกล่าว

ทางด้านพ่อของผู้เสียชีวิตรู้สึกสะเทือนใจอย่างมากเมื่อทราบข่าวว่า ลูกสาวของเขาถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม เขาเรียกร้องให้ทางตำรวจจับกุมฆาตกรโดยเร็ว และให้ฆาตกรถูกลงโทษตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด เพื่อให้ลูกสาวของเขาได้รับความยุติธรรม

ต่อมา มีความคืบหน้าว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 มกราคม ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ที่เมืองตูลุงกากุง ห่างจากเมืองงาวี ซึ่งเป็นสถานที่พบกระเป๋าเดินทางไปราว 3 ชั่วโมง จากนั้น ทีมเจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนศีรษะของเธอที่อีกเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองตูลุงกากุงไปประมาณ 1 ชั่วโมง

จากนั้น ตำรวจ เผยว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้มีประวัติอาชญากรรมมาก่อน รวมทั้งเคยแอบอ้างเป็นพนักงานขายรถ แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการระบุถึงความเชื่อมโยงกับเหยื่อและแรงจูงใจในการก่อเหตุ ทั้งนี้ มีข้อมูลเปิดเผยเพิ่มเติมว่า เหยื่อสาวทำงานเป็นพนักงานขายเครื่องสำอางในเมืองตูลุงกากุง และกลับบ้านเกิดในเมืองงาวีเพียงสัปดาห์ละครั้ง