ตำรวจเปิดปฏิบัติการ AOC รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 3 ราย เสียหายนับล้าน

ตำรวจเปิดปฏิบัติการ AOC รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 3 ราย เสียหายนับล้าน

ตำรวจเปิดปฏิบัติการ AOC รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 3 ราย เสียหายนับล้าน

กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ.

ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา 3 ราย

1. นายปรินทร ฯ อายุ 19 ปี

ตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 18/2567 ลง 9 พ.ค.67 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” สถานที่จับกุม บริเวณหน้าอพาร์ทเม้นท์ ในซอยลาดพร้าววังหิน 67 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร

2. นายสุไลมาน ฯอายุ 43 ปี

ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.703/2567 ลง 8 พ.ค.67 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” และหมายจับศาลจังหวัดราชบุรี ที่ 109/2567 ลง 1 เม.ย.67 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” สถานที่จับกุม ท่าจอดเรือ ท่าจีนยูเนี่ยน พอร์ต อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร

3. น.ส.กนกกาญจน์ ฯ อายุ 49 ปี

ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.705/2567 ลง 8 พ.ค.2567 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” สถานที่จับกุม หน้าศูนย์กระจายสินค้า พื้นที่ ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้ดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรมเกี่ยวกับการหลอกลงทุนออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามปฏิบัติการ Anti Online Scam (AOC) ได้มีการดำเนินการตามนโยบายของศูนย์ AOC จับกุมผู้ต้องหาที่มีพฤติการณ์เกี่ยวกับแก็งคอลเซ็นเตอร์

จำนวน 3 ราย ดังต่อไปนี้

1. นายปรินทร ฯ ตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 18/2567 ลง 9 พ.ค.67 จับกุมได้ที่ บริเวณหน้าอพาร์ทเม้นท์ ในซอยลาดพร้าววังหิน 67 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีการหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินมายังบัญชีของผู้ต้องหาเป็นเงินจำนวนเกือบ 1 ล้านบาท ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้การเบื้องต้นว่าได้มีการรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารจริง โดยได้รับการว่าจ้างจากคนรู้จักเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว เมื่อตอนที่ยังเป็นเยาวชนอยู่ โดยได้รับค่าจ้าง 1,000 บาท

2. นายสุไลมาน ฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.703/2567 ลง 8 พ.ค.67 จับกุมได้ที่ ท่าจอดเรือ ท่าจีนยูเนี่ยน พอร์ต อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ซึ่งมีการพฤติการณ์ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการหลอกลงทุนหารายได้เสริม ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายรวมกันประมาณ 6 แสนบาท ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้การเบื้องต้นว่า ได้ให้บัญชีธนาคารกับคนรู้จักในหมู่บ้านไปใช้ โดยไม่ได้รับค่าจ้างแต่อย่างใดโดยหลังจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมพบข้อมูล เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยเมื่อปี 2563 ถูกจับดำเนินคดี 2 คดี ในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1

3. น.ส.กนกกาญจน์ ฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.705/2567 ลง 8 พ.ค. 67 จับกุมได้ที่ หน้าศูนย์กระจายสินค้า พื้นที่ ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีการพฤติการณ์ในการกระทำความผิดคือมีผู้เสียหายได้มาร้องทุกข์ว่ามีเพื่อนของผู้เสียหายขอยืมเงินโดยใช้บัญชีธนาคารของผู้ต้องหาในการรับเงิน ต่อมาเพื่อนของผู้เสียหายได้แจ้งว่าถูกมิจฉาชีพสวมรอยยืมเงินผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าบัญชีธนาคารได้รับเงินจากผู้เสียหาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกไปยังผู้ต้องหายังที่อยู่ 2 ครั้ง ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้แต่อย่างใด จึงเป็นเหตุให้ออกหมายจับ ซึ่งผู้ต้องหาดังกล่าว เบื้องต้นให้การว่ามีเงินเข้าและออกในบัญชีธนาคารของตนผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารโดยผู้ต้องหาไม่ได้เป็นผู้ใช้งาน ผู้ต้องหาจึงได้แจ้งยกเลิกแอปพลิเคชันธนาคารดังกล่าว ต่อมาเมื่อมีหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมายังผู้ต้องหาจำนวน 2 หมาย ผู้ต้องหาก็ไม่ได้ดำเนินการตามหมายเรียกดังกล่าวแต่อย่างใด จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเข้าดำเนินการจับกุม

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน