“อ.ปานเทพ” เปิดจดหมายเปิดผนึก ด่วนที่สุด! ถึงนายกรัฐมนตรี เตือนรัฐบาลให้รีบยกเลิก MOU 2543 เพื่อปกป้องไม่ให้ทหารและราชวงศ์เสียหาย จากการยึดภูมะเขือและสร้างรั้ว
“อ.ปานเทพ” ได้ออกมาโพสต์ข้อความล่าสุด ผ่านเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ระบุ
จดหมายเปิดผนึก ด่วนที่สุด! เตือนรัฐบาลให้รีบยกเลิก MOU 2543 เพื่อปกป้องไม่ให้ทหารและราชวงศ์เสียหาย จากการยึดภูมะเขือและสร้างรั้ว/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
กราบเรียน ฯพณฯนายกรัฐมนตรี
กรณีที่กัมพูชาได้ทำการยิงจรวด BM-21 ใส่พลเรือนไทย เข่นฆ่าพลเมืองไทยในพื้นที่ซึ่งไม่ใช่บริเวณพิพาท เป็นการ “ละเมิดอย่างร้ายแรง” ต่อข้อ 8 ใน MOU 2543 อีกทั้งยังวางทุ่นระเบิดใหม่ทำร้ายทหารไทยให้เสียชีวิต พิการ และบาดเจ็บ อันเป็นการกระทำที่ละเมิดร้ายแรงถึงขั้นสวนทางการเก็บกู้ระเบิดตามข้อ 3 ใน MOU 2543 ซึ่งประเทศไทยย่อมมีสิทธิยกเลิก MOU 2543 ตามมาตรา 60 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยสนธิสัญญา ค.ศ. 1969
การละเมิด MOU 2543 อย่างร้ายแรง เป็นสาเหตุที่ทำให้ทหารไทยต้องฉีก MOU 2543 ไปโดยพฤติกรรมไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยการใช้กำลังทหารตอบโต้เพื่อการปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และรักษาชีวิตประชาชนคนไทย รวมถึงการยึดจุดสูงข่มที่เป็นของประเทศไทยกลับคืนมา ซึ่งรวมถึงภูมะเขือ ปราสาทตาเมือนธม และอีก 11 จุด บริเวณกองทัพภาคที่ 2 ตลอดจนการสร้างรั้วบริเวณชายแดน เพื่อการป้องกันตนเองส่วนบุคคลหรือส่วนรวมตามกฎบัตรสหประชาชาติมาตรา 51
เมื่อสภาความมั่นคงแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบที่จะสร้างรั้วบริเวณชายแดนไทย รวมถึงกองทุนหทัยทิพย์ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเปิดโครงการกองทุนหทัยทิพย์ และพระราชทานเงินส่วนพระองค์ 1,000,000 บาท และสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงบริจาคเงิน 100,000 บาท เพื่อสมทบกองทุนหทัยทิพย์ในการสร้างป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤตความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนรวมถึงการ “สร้างรั้วถาวร” เพื่อป้องกันภยันอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินและอธิปไตยของชาติ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยผู้บริสุทธิ์ให้ดีขึ้น
หากแต่รัฐบาลไทยยังคงยึดมั่นและไม่ยกเลิก MOU 2543 การยึดแผ่นดินไทยกลับมาทั้ง 11 จุด และสร้างธงชาติไทยถาวรบริเวณภูมะเขือ รวมถึงการสร้างรั้วจะสุ่มเสี่ยงต่อการผิดต่อ ข้อ 5 ของ MOU 2543 ที่กัมพูชาจะนำไปอ้างเพื่อทำให้ประเทศไทยเสียหายได้ เพราะในความจริงแล้วการกระทำที่ผ่านมาของประเทศไทยนั้นเกิดขึ้นเพราะ กัมพูชาได้ “ละเมิดอย่างร้ายแรง” ตามข้อ 8 และข้อ 3 ใน MOU 2543 ทั้งสิ้น
หากรัฐบาลไทยยังไม่ยกเลิก MOU 2543 และอาจทำให้กัมพูชาฉวยโอกาสความไม่เข้าใจในประเด็นนี้ ร้องเรียนต่อนานาชาติต้องให้ประเทศไทยทำลายสิ่งปลูกสร้าง ถอนธงชาติไทย ถอนทหารไทยออกจากภูมะเขือเพื่อให้เป็นไปตามพื้นที่ซึ่งปรากฏตามข้อ 1(ค) รวมถึงทุบทำลายรั้วที่สร้างขึ้นหรือกำลังจะสร้างขึ้นมาด้วย
และหากประเทศไทยจัดให้มีการประชุม JBC ในวันที่ 21-22 ตุลาคม 2568 ย่อมแสดงว่าฝ่ายไทยจะถูกจำกัดสิทธิโดยมาตรา 45 ที่จะอ้างได้ว่ากัมพูชาไม่ได้ละเมิดร้ายแรงต่อ MOU 2543 ที่ฝ่ายไทยจะยกเลิก MOU 2543 ตามมาตรา 60 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยสนธิสัญญา ค.ศ. 1969 ซึ่งจะทำให้ฝ่ายไทยไม่สามารถอ้างเรื่องกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดร้ายแรงในทางสากลได้อีก ถึงตอนนั้นจะทำให้ฝ่ายไทยอาจได้รับความเสียหายต่อการถูกยึดพื้นที่แผ่นดินไทย การต้องถอนธงชาติ หรือทำลายการสร้างรั้วทั้งหมดที่ผ่านมา
จึงเรียนมาเพื่อขอให้ท่านพิจารณาเร่งด่วนในการชะลอการประชุม JBC ที่จะมีขึ้นในวันที่ 21-22 ตุลาคม 2568 แล้วประกาศยกเลิก MOU 2543 เพราะกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดร้ายแร้ง ตามมาตรา 60 ตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยสนธิสัญญา ค.ศ. 1969 ทั้งนี้เพื่อปกป้องดินแดนไทยทั้ง 11 จุด รวมทั้งฐานธงชาติไทยภูมะเขือ ตลอดจนรั้วชายแดนไทย และเพื่อมิให้เสียหายต่อสถาบันทหาร สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์สืบไป
ด้วยจิตคารวะ
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน
16 ตุลาคม 2568
