ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.อนุสรณ์ ทองไสย รอง ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิญโย รอง ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.กันตเมศฐ์ อัครโชควรานนท์ รอง ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.6 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.แดนรบ สมัยชูเกียรติ สว.กก.6 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม น.ส.ขวัญธิดาฯ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ จ363/2567 ลง 13 มิ.ย. 67 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นคนอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จจริง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
สถานที่จับกุม สภ.เมืองพัทลุง อ.เมือง จ.พัทลุง
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ขวัญธิดาฯ เนื่องจากผู้ต้องหาได้ยืมเงินจากผู้เสียหายไปจำนวนหลักแสนบาท โดยอ้างว่าจะเอาเงินไปลงทุนขายรองเท้าและเสื้อผ้าออนไลน์ โดยก่อนเกิดเหตุประมาณต้นปี 2566 ผู้เสียหายได้รู้จัก กับผู้ต้องหาผ่านทางแอปพลิเคชันหาคู่และได้พูดคุยกันเรื่อยมา โดยผู้ต้องหาใช้รูปโปรไฟล์เป็นรูปหญิงสาว หน้าตาดี พูดจาดี คุยกันจนถูกคอกัน หลังจากนั้นประมาณ 1 อาทิตย์ ผู้ต้องหาได้ขอยืมเงินจากผู้เสียหาย ครั้งแรกหลักหมื่นบาทและยืมเรื่อยมา จำนวน 7-8 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้นเกือบ 200,000 บาท ทางผู้เสียหายทวงถามแต่ก็ไม่ได้รับเงินคืนแต่อย่างใด จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. ได้ทำการติดตามผู้ต้องหาไปในหลายพื้นที่ จนทราบว่า ผู้ต้องหาได้มาพักอาศัยอยู่กับมารดาในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบ ไม่พบตัวผู้ต้องหา พบเพียงมารดาและแจ้งว่าผู้ต้องหาได้ออกไปจากบ้านเมื่อช่วงเช้าก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าตรวจสอบ
ต่อมา ผู้ต้องหาได้ติดต่อเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยจะเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง เนื่องจากทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวอยู่ จึงเกรงว่าจะถูกจับกุมตัว เมื่อผู้ต้องหามาปรากฏตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าจับกุมตัวพร้อมทั้งแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาทราบ พร้อมทั้งแจ้งสิทธิตามกฎหมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งทั้งในพื้นที่ภาคใต้และภาคกลาง
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ไม่เคยพบเจอหน้าที่แท้จริงของผู้เสียหายและทางผู้เสียหายก็ไม่เคยเห็นหน้าของผู้ต้องหาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน