นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปราศรัยเนื่องใน “วันต่อต้านยาเสพติดโลก” ประจำปี 2568 เน้นแนวคิด “Stop Drugs, Start Power สร้างพลังไทย หยุดภัยยาเสพติด”
“เชิญชวนคนไทยร่วมกันรวมพลัง เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ภายใต้แนวคิด “Stop Drugs, Start Power สร้างพลังไทย หยุดภัยยาเสพติด” ร่วมกันปกป้องสังคมจากยาเสพติด เพื่อชีวิตที่ดีของลูกหลานเรา”
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปราศรัยเนื่องใน “วันต่อต้านยาเสพติดโลก” ประจำปี 2568 ว่า ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติได้กำหนดให้วันที่ 26 มิถุนายน เป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลก โดยประเทศไทยร่วมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดกับภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน เพื่อขจัดยาเสพติดให้หมดไป รวมถึง ภัยคุกคามความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงที่สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งเป็นปัญหาที่พบทั่วโลกและในภูมิภาคอาเซียน

นายกรัฐมนตรี ปราศรัยเนื่องใน วันต่อต้านยาเสพติดโลก
นอกจากนี้ รัฐบาลกำหนดให้การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนและเห็นผลเป็นรูปธรรม โดยใช้มาตรการทางกฎหมายและกลไกจากส่วนกลางและระดับพื้นที่ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดตามชายแดนและปราบปรามเครือข่ายการค้ายาเสพติดอย่างเด็ดขาด
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า รัฐบาลแก้ปัญหายาเสพติดโดยใช้ยุทธศาสตร์ Seal Stop Safe ในการแก้ไขปัญหาอย่างเข้มงวดและครบวงจร โดยการปิดล้อมชายแดนใน 52 อำเภอ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบจุดผ่านแดนทั้งถาวรและชั่วคราว รวมถึงช่องทางธรรมชาติ ส่งผลให้มีการปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง และทำให้ราคายาบ้าในตลาดมืดเพิ่มขึ้น สะท้อนว่ายาเสพติดเข้าถึงยากขึ้น
นอกจากนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูผู้เสพยา โดยเน้นการบำบัดรักษาและการให้โอกาสกลับคืนสู่สังคม พร้อมส่งเสริมการศึกษาเกี่ยวกับพิษภัยของยาเสพติดแก่เยาวชนและสร้างความรู้ความเข้าใจถูกต้องให้กับประชาชน เพื่อป้องกันการเกี่ยวข้องกับยาเสพติด นอกจากนี้ ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากฝ่ายปกครอง ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงครอบครัวซึ่งเป็นหน่วยเล็กที่สุดในสังคม เพื่อเฝ้าระวังและดูแลความปลอดภัยของทุกคน
นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนคนไทยที่ร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้ลูกหลานของเราและสังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด พร้อมให้กำลังใจให้ผู้เข้ารับการบำบัดรักษาที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติสุขในสังคมต่อไป
