ร.ร.แจงปมผู้ปกครองโวย อาหารกลางวันบูด เอาข้าวเก่ามาปรุงใหม่ เผยมีครูคอยตรวจรับ ชิมอยู่ตลอด ส่วนอุปกรณ์การเรียนการสอนมีเพียงพอ
วันที่ 8 ก.ค. 2567 น.ส.ศรุดา วงษ์มหิง รักษาการ ผอ.โรงเรียนเทศบาล 3 ชี้แจงกรณีผู้ปกครองร้องเรียนผ่านสื่อโซเชียลว่าอาหารกลางวันไม่พอ รวมถึงสื่อการเรียนไม่เพียงพอต่อนักเรียน พร้อมการเรียกเก็บเงินประกันภัย ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เข้าตรวจสอบภายในบริเวณโรงอาหารพบว่า เด็กนักเรียนระดับชั้นประถม กำลังนั่งรับประทานอาหารกันอยู่
โดยเมนูวันนี้อาหารกลางวันประกอบด้วย ผัดแตงกวาใส่ไข่ ต้มไก่ใส่เห็ด ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น ของหวานมีเฉาก๊วยน้ำแดง เด็กๆต่างรับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อทานเสร็จมีอาหารเหลือเด็กจะนำมาเทที่กะละมัง และวางถาดหลุมไว้เพื่อนำไปล้าง ซึ่งจะเห็นว่าเด็กๆทานข้าวเหลือกันเป็นจำนวนมาก
น.ส.ศรุดา กล่าวว่า เรื่องอาหารไม่เพียงพอกับนักเรียนกิน ตนเองคิดว่าไม่น่าจะมีมูลความจริง เนื่องจากว่ามีมาตรการตลอดมา และมีครูที่รับผิดชอบดูแลอยู่ ซึ่งทางโรงเรียนก็มีนโยบาย “ไม่อิ่มเติมได้” คือสามารถเติมได้ตลอด ซึ่งจะมีครูดูแลอยู่ตลอด และจะมีเจ้าของโครงการที่รับผิดชอบคอยดูแลให้อยู่ ส่วนเรื่องเด็กนักเรียนที่ครูปล่อยช้าแล้วอาหารหมดนั้น ทางโรงเรียนเพิ่งรับทราบ
แต่ทางเราก็จะมีครูคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา และไม่เคยทราบว่าเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ส่วนเรื่องอาหารที่ว่าบูดเสียนั้น โรงเรียนและทางเทศบาลจะลงพื้นที่ตรวจสอบตลอด และเรื่องที่ว่ามีการนำอาหารเก่ามาปรุงใหม่ให้เด็กรับประทานนั้น น.ส.ศรุดา กล่าวว่า ตรงนี้ต้องหาข้อมูลความจริง เพราะว่าทางโรงเรียนก็มีการตรวจรับและครูจะคอยชิมอยู่ตลอด
ตนเองก็ไม่ทราบว่าเอาข้อมูลมาจากไหน ส่วนสื่อการเรียนการสอนที่ว่าไม่เพียงพอนั้น ซึ่งทางวัสดุอุปกรณ์ทางเราจัดซื้อให้อย่างเพียงพอ ซึ่งไม่น่าที่จะไม่เพียงพอ จะคอยมีครูตรวจเช็กอยู่ตลอด และมีการทยอยส่งหนังสือให้เด็กๆอยู่เรื่อยๆ และมีการจัดซื้อให้อย่างเพียงพอในทุกๆปีที่ผ่านมา
ส่วนเรื่องค่าอุปกรณ์การเรียนนั้น เป็นงบจากทางสำนักฯส่งให้มาทางโรงเรียนส่วนเรื่องการประกันภัยฯ ที่เรียกเก็บกับเด็กนักเรียนเป็นจำนวนเงิน 350 บาทนั้น เนื่องจากว่าประกันภัยเดิมนั้น มีเด็กเคลม 200% บริษัทเดิมไม่รับเคลมประกันเลย ซึ่งของเก่ายังคงคุ้มครองได้ถึงเดือน มิ.ย. ทางโรงเรียนจึงได้เปลี่ยนบริษัทใหม่
แต่ก็ต้องมีการเช็กประวัติเก่าก่อนว่าต้องใช้เบี้ยประกัน เท่าไร และต้องยืนยันว่าเบิกสิทธิรักษาเท่าไร ซึ่งถ้าวงเงินรักษา 8,000 บาท เบี้ยประกันก็จะเป็นเงิน 350 บาท ซึ่งตนเองมองดูว่าเด็ก และผู้ปกครองบางคนเงินก็ไม่ค่อยมี จึงได้ลดวงเงินประกันภัยฯลงมาเป็น 300 บาท สามารถเบิกสิทธิได้ 6,000 บาท ตนเองก็ได้ชี้แจงให้ผู้ปกครองเข้าใจแล้ว
น.ส.ศรุดา กล่าวว่า ทุกวันนี้ทางผู้ปกครองก็ยังไม่มีเงินจ่ายแต่ทางโรงเรียนก็ยังช่วยเหลือไปก่อน ตอนนี้ทางประกันภัยก็เรียบร้อยแล้วคุ้มครองแล้ว ต่อจากนี้ก็จะเรียกผู้ปกครองเด็กๆเข้ามาประชุมชี้แจง เพื่อประชุมทำความเข้าใจถึงสาเหตุต่างๆ เพื่อคลายข้อความสงสัยในทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้น