บึงมักกะสันเริ่มเหงา ประชาชนแห่จับปลาหมอคางดำแทบเกลี้ยง

(17 ก.ค.) บรรยากาศที่บึงมักกะสันช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจปลาหมอสีคางดำพบว่า เริ่มมีจำนวนน้อยลงเหลือแต่ปลาตัวเล็กๆ และส่วนใหญ่ที่เหลือก็น็อคน้ำตายลอยเป็นแพ ขณะที่ประชาชนทั่วไปที่แห่มาหาปลาก็เริ่มเงียบเหงาไม่คึกคักเหมือน 2-3 วันก่อนที่มีประชาชนแห่กันมาเต็มบึง

นายเอ็ม ชาวบ้านหาปลาจากจังหวัดราชบุรีบอกว่า หลังจากตนเองเห็นข่าวว่ามีปลาหมอสีคางดำและปลานิล รวมถึงปลาชนิดอื่นๆลอยขึ้นมาเหนือน้ำจำนวนมหาศาลที่บึงมักกะสัน ซึ่งปกติตนเองก็จะตระเวนหาปลาตามห้วย หนอง คลอง บึงอยู่แล้ว พอเห็นข่าวแบบนี้ตนจึงชวนเพื่อนอีก 2 คน คว้าอุปกรณ์หาปลามุ่งตรงมาที่บึงมักกะสัน

แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะจำนวนปลาเริ่มลดน้อยลงเพราะมีประชาชนมาแห่จับไปแล้วก่อนหน้านี้ 2-3 วันและปลาที่เหลือบางส่วนก็น๊อกน้ำตายเกือบหมด ซึ่งตนเองและเพื่อนตั้งใจว่าจะมาจับปลานิลเอาไปขายและแบ่งเก็บไว้กิน ส่วนปลาหมอสีคางดำแม้ว่าจะกินได้แต่ไม่เป็นที่นิยม หากจับขึ้นมาได้และจำนวนไม่มากพวกตนก็คงต้องทิ้งเพราะไม่มีใครรับซื้อ และจะไม่ปล่อยกลับสู่แหล่งน้ำด้วยเพราะปลาหมอสีคางดำจะทำลายระบบนิเวศ

ขณะที่ซากปลาที่ลอยเน่าเต็มบึงมีเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพฯนำเรือออกเก็บซากป่าขึ้นมาทิ้งจำนวนมาก บางส่วนเริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่วบึงมักกะสัน โดยสำนักงานเขตราชเทวีเตรียมที่ฝังกลบเอาไว้ที่บริเวณสวนราชเทวีภิรมย์ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่สำนักงานเขตราชเทวีเตรียมเอาไว้และอยู่ติดกับบึงมักกะสัน โดยมีการขุดบ่อลึก 2.5 เมตรและคาดการณ์ว่าจะสามารถฝังกลบปลาได้ถึง 3 ตัน

ส่วนทีมข่าว ได้ปลาหมอสีคางดำจากชาวบ้านมาประมาณ 4-5 ตัว ไซต์กำลังกิน ขนาดประมาณฝ่ามือ , แม่บ้านของช่อง 3 ก็นำมา ขอดเกร็ด , ควักไส้ , ตัดหัว , บางตัวมีไข่ในท้องด้วย แล้วพอตัดหัวแยกแทบไม่ออกว่าเป็นปลานิลหรือปลาหมอสีคางดำเพราะลักษณะเหมือนกันมาก

จากนั้นทีมข่าวก็นำมาหมักเกลือ , หมักผงปรุกรส แล้วก็ทอดกรอบๆกินกับข้าวสวยร้อนๆ ซอยพริกน้ำปลาหอมกระเทียม รสชาติอร่อยไม่แพ้ปลานิล ต่างกันที่เนื้อค่อนข้างจะหยาบ แข็งกว่าเนื้อปลานิล ซึ่งถ้าผ่านกรรมวิธี การล้างดีๆ ก็จะลดกลิ่นคาวลงไปได้เยอะ