(29 เม.ย.ที่ผ่านมา) สื่อต่างประเทศ รายงานว่า ความคืบหน้ากรณีการหายตัวไปของ วิกตอเรีย รอชชีนา (Viktoriia Roshchyna) นักข่าวหญิงชาวยูเครน วัย 27 ปี หลังได้รับการแจ้งจากทางการรัสเซียว่าเธอเสียชีวิตแล้ว ตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 ซึ่งตอนนี้ร่างได้ถูกส่งมาถึงมือครอบครัวของเธอเรียบร้อย แต่พบว่าสภาพศพกลับมีร่องรอยการถูกไฟฟ้าช็อต กระดูกหักหลายแห่ง ร่างกายผอมซูบ ถูกควักลูกตา และเนื้อเยื่อสมองถูกตัดทิ้งส่วนหนึ่ง
ย้อนไปก่อนที่เธอจะหายตัวไป ขณะนั้น วิกตอเรีย ทำงานเป็นนักข่าวอิสระให้กับสื่อหลักของยูเครน เช่น Ukrainska Pravda ซึ่งรับหน้าที่รายงานข่าวสงครามต่อเนื่อง พร้อมเดินทางไปที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริเซีย (Zaporizhia) ซึ่งถูกทหารรัสเซียยึดครอง เพื่อสืบหาข้อมูลที่อยู่ของพนักงานที่สูญหายไป
ทว่าเธอกลับหายตัวไปกะทันหันในเดือนสิงหาคม 2566 ก่อนได้รับการยืนยันว่าเธอถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเขตรอสตอฟ ทางตอนใต้ของรัสเซีย ซึ่งกระทรวงกลาโหมยอมรับว่าควบคุมตัววิกตอเรียจริงในเดือน พฤษภาคม 2567 แต่จู่ ๆ กลับแจ้งว่าเธอเสียชีวิตแล้วตามไทม์ไลน์ข้างต้น
ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ศพของวิกตอเรียถูกส่งคืนกลับมายังครอบครัว พร้อมศพทหารที่เสียชีวิตอีก 750 นาย ทว่าร่างของเธอที่อยู่ในถุงสีขาวนั้น กลับมีป้ายระบุว่าเป็นชายไม่ทราบชื่อ แถมรายชื่อของเธอก็ไม่ได้อยู่ลิสต์การส่งมอบของรัสเซียด้วย เจ้าหน้าที่สืบสวนจึงตรวจพิสูจน์และทราบในภายหลังว่าเป็นศพของวิกตอเรีย ผ่านการตรวจดีเอ็นเอ
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่คาดว่าร่องรอยบาดแผลที่ผิดธรรมชาติข้างต้นนั้น รัสเซียน่าจะทำหลังจากที่เธอเสียชีวิตแล้ว เพื่อปกปิดหลักฐานการรัดคอ เช่น เลือดออกในตาขาวและภาวะสมองขาดออกซิเจน
ขณะที่ ยูริ เบลูซอฟ (Yuriy Belousov) หัวหน้าหน่วยอาชญากรรมสงคราม สำนักงานอัยการสูงสุดของยูเครน กล่าวว่า “ผลการชันสูตรพลิกศพทางนิติเวชเผยให้เห็นร่องรอยอันน่าสะพรึงกลัวของการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้าย รวมถึงซี่โครงที่แตกหัก, การบาดเจ็บรุนแรงบริเวณคอ และรอยไหม้ที่เท้าซึ่งบ่งชี้ว่าถูกช็อตด้วยไฟฟ้า”