จากกรณีที่เมื่อวานนี้ 17 ต.ค. 2567 เจ้าหน้าที่นำตัว 17 ผู้ต้องหาคดี “ดิไอคอน กรุ๊ป” ฝากขังเรือนจำ ซึ่งได้เดินทางถึงยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในเวลา 20.33 น. และได้เดินทางถึงทัณฑสถานหญิงกลาง ในเวลา 20.35 น. โดยแยกชายและหญิง
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทุกคนเมื่อเดินทางเข้าไปภายในเรือนจำแล้ว จะถูกคัดแยกตัวที่แดนแรกรับเป็นเวลา 5 วัน เพื่อกักตัวตรวจโรค หลังจากนั้นผู้ต้องหาทุกคนจะถูกแยกไปอยู่ในแต่ละแดน โดยไม่ได้อยู่ด้วยกัน
นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทน ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงคืนแรกของการเป็นอยู่ในเรือนจำของทั้ง 17 บอส ว่า
กรมราชทัณฑ์ รับตัวผู้ต้องหาทั้งหมดในช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. มีการดำเนินการในส่วนของกระบวนการแรกรับ คือ ผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกรายจะต้องทำทะเบียนประวัติ ตรวจสุขภาพร่างกาย พิมพ์ลายนิ้วมือตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ และมีการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดสีลูกวัวสำหรับผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ก่อนนำตัวเข้าไปยังห้องกักโรคโควิด-19 เพื่อกักคัดกรองโรคในระยะเวลา 5 วัน
รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คืนวานนี้ (17ต.ค.) ทางเรือนจำทั้ง 2 แห่ง ได้เตรียมอาหารไว้ให้เป็น เมนูข้าวสวยและต้มซุปไก่ เผื่อบุคคลใดยังไม่ทานข้าว แต่ก็ไม่มีใครรับประทาน อาจด้วยเวลาที่มาถึงก็ค่ำมากแล้ว และกว่าจะนอนหลับก็ล่วงเลยไปถึงเวลา 23.00 น.
ทั้งนี้จากที่ มอนิเตอร์ภาพกล้องวงจรปิด ในส่วนของ บอสมิน ได้มีการพูดคุยกับเหล่าบอสผู้หญิงรายอื่นบ้าง ขณะที่บอสกันต์ และ บอสแซม ทั้งคู่มีการพูดคุยกัน แต่ไม่ได้คุยกับบอสชายรายอื่นมากเท่าไรนัก
เมื่อถามถึงหน้าตา และความเครียดผู้ต้องหา รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า มีความเครียดปรากฏบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัดเจน ไม่มีรอยยิ้ม และบ่อยครั้งมีการสนทนาระหว่างกันน้อยลง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เพราะทุกคนเข้ามาข้างในนี้เป็นการเปลี่ยนสถานที่ อาจปรับตัวยากต้องใช้เวลา ส่วนประสิทธิภาพการนอนหลับทราบว่าพอนอนหลับได้บ้าง
ส่วนประเด็น การตัดผม ของผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ทั้งผู้ต้องขังชาย ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และผู้ต้องขังหญิง ในทัณฑสถานหญิงกลาง รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า ในส่วนของผู้ต้องขังชาย จะต้องตัดรองทรงสูงทุกราย แต่ไม่สั้นมาก จะต่างจากผู้ต้องขังเด็ดขาดชาย แต่ผู้ต้องขังหญิง ราชทัณฑ์อนุโลม ว่า ต้องมัดรวบผมให้เรียบร้อย ส่วนถ้าความยาวของผมนั้น ยาวมามากเกินไปก็สามารถเล็มตัดความยาวออกได้ เพื่อสุขอนามัยที่ดีและป้องกันเรื่องผมร่วง
ทั้งนี้ช่วงเช้าทั้งหมดได้อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว โดยผู้ต้องขังหญิงได้รับประทานเมนูอาหารเช้าเป็นข้าวต้มเครื่อง และได้มีการสอบถามถึงหลักการขั้นตอนการเยี่ยมญาติ การซื้อของฝากของใช้ส่วนตัว การพบทนายความ ซึ่งราชทัณฑ์ ก็ได้ชี้แจงข้อมูลให้ทั้งหมดรับทราบแล้ว
โดยเฉพาะในส่วนของ มิน พีชญา ที่ได้สอบถามผู้คุมถึงเรื่องการเยี่ยมญาติ การพบทนายความปรึกษาคดี และการสั่งซื้อของฝากจากภายนอกผ่านใบรายการสั่งซื้อของเรือนจำฯ แต่ ตน ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องการเปิดสมุดบัญชีเงินฝากของเหล่าผู้ต้องขัง 17 ราย เพราะ สมุดเงินฝาก จะมีไว้เพื่อการฝากเงินของญาติให้แก่ผู้ต้องขัง ไว้ซื้อของกินของใช้ คาดว่า ช่วงสายวันนี้อาจมีทนายเข้าเยี่ยม หรือมีญาติฝากซื้อของฝาก
ส่วนการเยี่ยมของทนายความ ต้องผ่านระบบออนไลน์ ผ่านการวิดีโอคอลไลน์ในห้องเยี่ยมทนาย ประมาณ 30 นาทีขึ้นไป เพราะทั้งหมดยังอยู่ในห้องกักโรคโควิด-19 จึงทำให้ผู้ต้องขังไม่ต้องเดินออกมาที่ห้องเยี่ยมดังกล่าว