ช่วงต้นปี 2568 หรือราวเดือน มี.ค. กระทรวงการคลังวางแผนไว้ว่า จะมีการเปิดให้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน รอบใหม่ เนื่องจากขณะนี้กำลังจะครบ 2 ปี หลังจากรอบล่าสุดที่เปิดลงทะเบียน เมื่อปลายปี 2565 (5 ก.ย.-31 ต.ค.) ทั้งนี้ เพื่อเป็นการทบทวนคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการใหม่
มีการวางไว้ว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะมีการทบทวนผู้มีสิทธิกันใหม่ทุกๆ 2 ปี เพราะบางคนอาจจะมีคุณสมบัติที่หลุดจากเกณฑ์ไปแล้ว หรือบางคนที่ไม่ได้สิทธิ คุณสมบัติอาจจะผ่านในรอบนี้ ซึ่งรอบที่แล้วเดิมมีผู้ลงทะเบียนกว่า 14.9 ล้านคน แต่ปัจจุบันเหลืออยู่ราว 13.5 ล้านคน เพราะส่วนหนึ่งก็เสียชีวิตไป” แหล่งข่าวกล่าว
คุณสมบัติเดิมในการรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
1.ลงทะเบียนรายบุคคล และตรวจสอบคุณสมบัติเป็นรายบุคคล และครอบครัว
2.ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย
3.อายุ 18 ปีขึ้นไป
4.รายได้ต่อปีของบุคคล และรายได้เฉลี่ยของครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาท ต่อคน/ปี รวมถึงทรัพย์สินทางการเงิน อย่าง เงินฝาก สลาก พันธบัตร และตราสารหนี้ของภาครัฐ ต้องไม่เกิน 100,000 บาท ต่อคนต่อปีด้วยเช่นเดียวกัน
5.ไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้บ้าน ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และวงเงินกู้รถไม่เกิน 1 ล้านบาท
6.ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข
7.กรณีไม่มีครอบครัว ห้องชุดต้องไม่เกิน 35 ตร.ม. และที่ดินที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรไม่เกิน 1 ไร่ และใช้ในการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่ และมีบ้านพร้อมที่ดิน บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ตึกแถว ไม่เกิน 25 ตร.ว. และรวมกันหมดแล้วพื้นที่การเกษตรไม่เกิน 10 ไร่
8.ต้องไม่เป็นภิกษุ สามเณร ผู้ต้องขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญ ข้าราชการการเมือง รวมถึง สส. และ สว.
9.ไม่มีบัตรเครดิต การจ่ายสวัสดิการ เบื้องต้นจะเป็นไปตามเดิม
ในส่วนของการจ่ายสวัสดิการ ต้องขึ้นกับนโยบายรัฐบาลว่าจะมีเพิ่มเติมจากเดิมหรือไม่ เบื้องต้นจะเป็นไปตามเดิมคือ
วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 300 บาทต่อคนต่อเดือน
วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน
วงเงินส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน
มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
เบื้องต้นใช้งบประมาณราว 4,800 ล้านบาทต่อเดือน หรือราว 50,000 ล้านบาทต่อปี
สวัสดิการที่จ่ายหลักๆ ก็น่าจะเหมือนเดิม แต่ก็ขึ้นกับนโยบายรัฐบาลว่าจะมีอะไรเพิ่ม เหมือนอย่างล่าสุดก็มีการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านช่องทางนี้” แหล่งข่าวกล่าว