รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์เฟซบุ๊กรายงานสถานการณ์โควิด-19 ว่า “ในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น โควิด-19 เป็นโรคอันดับที่ 1 ในบรรดากลุ่มโรคที่เฝ้าระวัง ที่ทำให้คนไทยเราป่วยกันมากที่สุด
ตัวเลขในระบบรายงานนั้นชี้ว่า สัปดาห์เดียว 111,472 ราย เสียชีวิตไป 31 ราย ทิ้งห่างอันดับ 2-10 ไปอย่างไม่เห็นฝุ่น
หากดูตัวเลขการป่วยรักษาที่รพ.ตั้งแต่ต้นปีจนถึงบัดนี้ โควิด-19 มีมากกว่า 4 แสนราย โดยยังไม่นับรวมคนอีกจำนวนมากที่ตรวจพบว่าติดเชื้อ ป่วย แต่ไม่ได้ไปรพ. หรือไม่มีการรายงานเข้าในระบบ จำนวนเสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่าไข้หวัดใหญ่กว่า 3 เท่า”
พร้อมระบุอีกด้วยว่า “ประเมินสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการสื่อสารสาธารณะเรื่องติดเชื้อไม่แยกตัว แต่ให้ไปทำงานหรือเรียนได้ ด้วยพื้นฐานความชุกของโรคในขณะนี้ทั้งในเมืองและต่างจังหวัด การแพร่การติดอาจมากขึ้นแบบก้าวกระโดด อันเป็นผลมาจากโรคที่ชุกชุม, สายพันธุ์ Nimbus (NB.1.8.1) ที่มีสมรรถนะการติดและแพร่ได้เร็ว, ระดับภูมิคุ้มกันของคนลดลง, พฤติกรรมป้องกันที่ไม่เข้มแข็ง ละเลยเพิกเฉยจากวาทกรรมหายนะ
ประจำถิ่น ติดง่ายไม่รุนแรง เหมือนหวัด เหมือนหวัดใหญ่” รวมถึงกลุ่มคนมีโรคเรื้อรังมากในปัจจุบัน และสังคมสูงอายุ
ธรรมชาติของโรคติดต่อเช่นนี้ เมื่อปัจจัยทั้งเรื่องคน ร่างกาย เชื้อโรค พฤติกรรม สังคม และสิ่งแวดล้อม เข้าสู่ภาวะเสี่ยงครบทุกองค์ประกอบแล้ว ยากที่จะหนีพ้นความเสี่ยงต่อ massive spreading เพียงแต่จะเป็นพลุตรงที่ใด หรือหลายที่พร้อมกัน ขึ้นอยู่กับการมีอยู่ของปัจจัยข้างต้น
โรงเรียน มหาลัย ที่ทำงาน ผับบาร์ สถานบันเทิง ค่ายกีฬา สถานเลี้ยงเด็ก สถานดูแลผู้สูงอายุ เรือนจำ ฯลฯ การป้องกันตัวระหว่างใช้ชีวิตประจำวันเป็นสิ่งที่ควรทำ ติด ป่วย ควรแยกตัว รักษาอย่างถูกต้องและเพียงพอ มี symptom awareness ไม่คลุกคลีใกล้ชิดคนที่มีอาการป่วย ไอ จาม น้ำมูก ปวดหัว มีไข้ เลี่ยงการแชร์ของกินของใช้กับผู้อื่นนอกบ้าน
คงทำได้ประมาณนี้…ขึ้นกับตัวเราแต่ละคน และเพื่อประโยชน์ต่อคนในครอบครัว”
